“ประชาชน” ให้สังคมจับตาพุธนี้ พ.ร.บ.รางฯ เข้าสภา ชี้ร่าง “เพื่อไทย” อันตราย เอื้อนายทุน

41

ที่อาคารอนาคตใหม่ วันที่ 28 ตุลาคม สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แถลงข่าว ความคืบหน้าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางราง ที่จะมีการลงมติรับหลักการในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันพุธที่ 30 ตุลาคมนี้ จาก 3 ร่างที่มีอยู่ คือ ร่างของคณะรัฐมนตรี, พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชน ว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำมาจัดสรรอำนาจให้กับกรมการขนส่งทางรางที่ตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2562 แต่ยังไม่มีอำนาจรองรับทางกฎหมาย ดังนั้นโครงร้างอำนาจจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับ กม.ใหม่ฉบับนี้

โดยทั้ง 3 ร่างที่เป็นตัวเลือกประกอบด้วย 1) ร่างของคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นร่างดั้งเดิมเสนอโดยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ผ่านวาระแรกจนมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญมาพิจารณา นำความเห็นของภาคการเมือง ภาคประชาชน และฝ่ายราชการมาพิจารณาจนถูกแปลงร่างมาเป็น “ร่างประนีประนอม” แต่เกิดศึกกัญชาขึ้นทำให้ร่างดังกล่าวพิจารณาไม่ทันและตกไป ซึ่งตอนนี้คณะรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ได้ยื่นร่างที่มีเนื้อหาเดียวกันกับร่างของคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยังไม่มีการแก้ไขใด ๆ เข้ามาเหมือนเดิม

สุรเชษฐ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีร่างของพรรคเพื่อไทย ที่นำเสนอโดย มนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ที่มีการนำร่างประนีประนอมไปยัดไส้ เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน วิปรัฐบาลมีมติให้ใช้ร่างนี้เป็นร่างหลัก ทำให้เกิดคำถามว่า ร่างของเพื่อไทยไว้ใจได้หรือไม่ ตนจึงไปศึกษาเทียบกับร่างของครม.และพรรค ปชน. พบว่า มีความน่ากังวลหลายประการ มีความอันตรายเป็นอย่างยิ่ง และ 3) ร่างของพรรคประชาชนที่มีที่มาจากร่างประนีประนอมจากสภาชุดที่แล้ว เพียงแต่มีการแก้ไขใน 3 ประเด็น ตามรายงานการสงวนความเห็นที่มีการนำเสนออย่างเปิดเผยบนโต๊ะกรรมาธิการมาผนวกกัน

ต่อมาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ทั้ง 3 ร่างได้ถูกนำเสนอและมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง ประเด็นคำถามสำคัญที่ตนได้ถามในวันนั้น คือ ใครเป็นคนส่งร่างให้มนพรมาแปะป้ายเป็นร่างของพรรคเพื่อไทย แต่เจ้าตัวไม่ได้ตอบคำถามและไม่ได้อภิปรายสรุป อย่างไรก็ตามประธานสภาได้ชิงปิดสภาก่อนที่จะมีการลงมติซึ่งปิดสภาเร็วกว่าปกติ โดยก่อนปิดสภาก็มีสัญญาณมาว่า อาจจะมีการล้มร่างทรงนี้ หลังจากที่ได้มีการอภิปรายถึงความเป็นร่างทรง นับว่า เป็นสัญญาณเชิงบวกว่า มติวิปฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เปลี่ยนจากร่างที่ไม่น่าไว้ใจของพรรคเพื่อไทย

สส.ปชน. กล่าวว่า พรรคประชาชนขอความกระจ่างว่า ใครเป็นคนยัดไส้ให้รมช.คมนาคม เพราะร่างของพรรคเพื่อไทยลดเงื่อนไขการคุ้มครองผู้ใช้บริการ เพิ่มประโยชน์ให้ผู้ประกอบการ และลดอำนาจรัฐในการเข้าตรวจสอบ มีเงื่อนงำที่น่าสนใจหลายประการ นำไปสู่การตัด 25 มาตรา และยัดเพิ่ม 6 มาตรา แอบแก้ไขเนื้อความในหลายมาตราที่ส่อไปในทางที่เอื้อประโยชน์ให้ผู้ประกอบการมากขึ้นเมื่อเทียบกับร่างประนีประนอมจากสภาชุดที่แล้ว เช่น ลดเงื่อนไขการคุ้มครองผู้ใช้บริการ โดยแอบตัดมาตรา 121 ให้ผู้ประกอบการไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายให้ผู้โดยสารหากเดินรถล่าช้าหรือยกเลิกการเดินรถ

เพิ่มประโยชน์ให้ผู้ประกอบการโดยแก้มาตรา 31 ส่งผลให้ผู้ประกอบการอาจสามารถเป็นเจ้าของรางได้ ทั้งที่กรรมสิทธิ์ในโครงสร้างพื้นฐานด้านรางควรต้องเป็นของรัฐ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 56 โดยแอบตัดข้อความใน มาตรา 53 (4)  ที่เขียนไว้ว่า ผู้ประกอบการต้อง “จัดส่งรายงานการประกอบกิจการและงบกระแสเงินสดทุก 3 เดือนนับจากวันที่เริ่มประกอบกิจการ” ส่งผลให้ผู้ประกอบการไม่ต้องแสดงผลประกอบการ

แอบยัดวรรค 2 ลงไปในมาตรา 53 ว่า “ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการกำหนดข้อกำหนดตามวรรค 1 (6) และการกำหนดหน้าที่อื่นตามวรรค 1 (7) ก่อให้เกิดภาระและผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของผู้ได้รับใบอนุญาต ให้กรมการขนส่งทางรางกำหนดการชดเชยและเยียวยาให้แก่ผู้ได้รับใบอนุญาตอย่างเป็นธรรมด้วย” ส่งผลให้รัฐขยับยากขึ้นในการพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงอะไร เพราะต้องระแวงกับเรื่องของการชดเชยนายทุนให้มากขึ้น

ที่สำคัญ แอบตัดมาตรา 58 ที่เขียนไว้ว่า “ผู้ได้รับใบอนุญาตต้องส่งบัญชีแสดงฐานะทางการเงินและงบการเงินให้กับอธิบดีทราบ” ออก เห็นได้ชัดว่า ร่างทรงนี้ต้องมาจากผู้ประกอบการรายใหญ่ ที่ต้องการซ่อนตัวเลขผลประกอบการ ที่เป็นข้อมูลทางเทคนิคที่จำเป็นสำหรับรัฐในการพิจารณา โดยเฉพาะในการพิจารณาสัมปทาน รวมทั้งลดอำนาจรัฐในการเข้าไปตรวจสอบ โดยตัดมาตรา 87 ออก ทำให้รัฐไปตรวจสอบเชิงเทคนิค (Accident Investigation) ได้ยากขึ้น เช่น กรณีรถไฟชนกัน หากไม่มีมาตรานี้ เอกชนสามารถไปแอบปกปิดทำลายหลักฐานบางอย่างก่อนรัฐเข้าไปตรวจสอบได้ง่าย

สุรเชษฐ์ กล่าวต่อไปว่า แม้ร่างดั้งเดิมของคณะรัฐมนตรีแพทองธาร ที่เหมือนกับร่างดั้งเดิมของคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ได้เลวร้ายแบบร่างของพรรคเพื่อไทย แต่หากเริ่มจากร่างของพรรคประชาชนจะเป็นการเร็วกว่าและดีกว่า เพราะหากกลับไปใช้ร่างดั้งเดิมก็จะเท่ากับประเทศเสียเวลาไปฟรี 3 ปี เป็นการกลับไปเริ่มใหม่ที่จุดเดิม “คำถาม คือ แล้วทำไมไม่ใช้ร่างประนีประนอมที่ผ่านการพิจารณาจากตัวแทนของทุกพรรคการเมืองมาแล้ว อีกทั้งการกลับไปเริ่มต้นใหม่จากจุดเดิมมีความเสี่ยงที่จะถูกแปลงร่างให้ไปคล้ายกับร่างของพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นร่างทรงของใครก็ไม่ทราบ”

เขากล่าวว่า ร่างของพรรคประชาชนมีการแสดงจุดยืนอย่างตรงไปตรงมาตามรายงานการสงวนความเห็นใน 3 ประเด็น คือ 1) ยืนยันให้ รมว.ทรวงคมนาคมต้องเป็นประธาน เช่นเดียวกับ ทางถนน ทางน้ำ ทางอากาศ ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี 2) ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องมีส่วนร่วมจัดทำแผนในเขตภูมิภาค 3) เพิ่มเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าโดยสาร ว่าต้องคำนึงถึงค่าแรงขึ้นต่ำและค่าครองชีพด้วย ซึ่งพรรคประชาชนไม่ได้สุดโต่งแต่ใช้ร่างประนีประนอมและแสดงจุดยืนอย่างตรงไปตรงมาและเปิดเผย ขอแค่รัฐบาลอย่ากลัวเสียหน้าเพียงเพราะเป็นร่างจากฝ่ายค้านเลยจะไม่ใช้เป็นร่างหลัก

“สิ่งที่ต้องจับตา คือ วิปรัฐบาลน่าจะกลับลำ พลิกมติจากเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนที่จะใช้ร่างของพรรคเพื่อไทยเป็นหลักมาใช้ร่างคณะรัฐมนตรีแทน การไม่ใช้ร่างเพื่อไทยเป็นหลักนั้น ผมเห็นด้วยว่า สมควรแล้ว เพราะมีการยัดไส้นอกรอบเพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทุนอย่างชัดเจน แต่คำถาม คือ ทำไมไม่ใช้ร่างพรรคประชาชน พ.ร.บ.รางฯ กับผลประโยชน์ที่ซ่อนอยู่มหาศาล เมกะดีลสัมปทานทีเป็นแสนล้านแต่พรรครัฐบาลไม่น่าไว้ใจ ประชาชนต้องช่วยกันจับตาการลงมติวันที่ 30 ตุลาคมนี้ 11:00” สุรเชษฐ์ กล่าว

#Thaitabloid #ไทยแทบลอยด์ #พรรคประชาชน #สุรเชษฐ์ประวีณวงศ์วุฒิ #พ.ร.บ.การขนส่งทางราง #มนพรเจริญศรี