นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีเมื่อวานนี้ (29. ก.ย.) การเปิดตัวพรรคพลังประชารัฐ ที่มีการเปิดตัว 4 รัฐมนตรีในรัฐบาล คสช. เป็นผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐว่า เป็นเรื่องที่ไม่เกินความคาดหมายเพราะทั้ง 4 ท่านมีความใกล้ชิดกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการเคลื่อนไหวสอดคล้องกับพล.อ.ประยุทธ์ และเป็นที่รับรู้โดยทั่วไปว่า ตั้งพรรคเพื่อรองรับการทำงานการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ แม้จะมีการปฏิเสธเรื่องนี้ แต่สังคมและวิญญูชนสามารถสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวดังกล่าว สิ่งที่ตนเป็นห่วงคือ รัฐมนตรีทั้ง 4 คน หรือท่านใดที่ยังอยู่ในรัฐบาลต้องถึงระมัดระวังการใช้อำนาจหน้าที่ในรัฐบาลไปใช้ประโยชน์ในทางการเมือง เพื่อปูทางไปสู่การหาคะแนนนิยมให้กับตัวเองและพวกพ้อง ใกล้จะมีการเลือกตั้ง เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศไทย จึงต้องทำให้การเลือกตั้งได้รับการยอมรับจากสังคมทุกภาคส่วน
“เพราะฉะนั้นการกระทำของผู้มีอำนาจในการใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องโดยมิชอบ การใช้อำนาจ แทรกแซงการทำงานองค์กรอิสระ หรือ แสวงหาความนิยมในรูปแบบต่าง ผ่านเครือข่ายข้าราชการ จะส่งผลให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในการเลือกตั้งสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมือง เพราะจะทำให้ผลการเลือกตั้งไม่เป็นที่ยอมรับ” นายองอาจ กล่าว
นายองอาจ กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีคนของพรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมงานการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐด้วยนั้น ตนเห็นว่าทุกคนมีความรู้ความสามารถ ทำประโยชน์ให้กับสังคมได้ จึงเสียดายที่ไม่ได้ทำงานร่วมกับประชาธิปัตย์ต่อ แต่การตัดสินใจการเมืองเป็นสิทธิของแต่ละบุคคล จึงขออวยพรให้โชคดีในการทำงานทางการเมืองต่อไป อย่างไรก็ตามไม่ส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งในกทม.และพื้นที่อื่นๆ ของพรรคประชาธิปัตย์
“เพราะมีคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ที่พร้อมเข้ามาทำงานการเมืองในนามพรรคประชาธิปัตย์จำนวนมาก ซึ่งตนเชื่อว่าจะเป็นตัวตายตัวแทนคนที่ออกจากพรรคไป เพราะเป็นผู้มีวุฒิภาวะ มีความรู้ความสามารถ และประสบความสำเร็จในชีวิตมาระดับหนึ่ง พร้อมร่วมอุดมการณ์กับประชาธิปัตย์ เพื่อนำนโยบายไปดำเนินการให้เป็นประโยชน์กับประชาชนต่อไป ทั้งนี้หากเปรียบเทียบจำนวนอดีตส.ส.ที่ออกไปกับอดีตส.ส.ที่มีทั้งหมดจะเห็นว่าเป็นส่วนน้อย แต่ส.ส.ส่วนมากยังร่วมงานกับประชาธิปัตย์ต่อไป” นายองอาจ กล่าว