หน้าแรกบทความอย่าปล่อยให้เหตุ”23 ศพ”เงียบ อย่าจัดการแค่”โชเฟอร์-เจ้าของรถ” รบ.ต้องยกเครื่องกรมการขนส่งฯ

อย่าปล่อยให้เหตุ”23 ศพ”เงียบ อย่าจัดการแค่”โชเฟอร์-เจ้าของรถ” รบ.ต้องยกเครื่องกรมการขนส่งฯ



        ช่วงนี้สื่อทุกสำนักมุ่งนำเสนอข่าวดิไอคอน กันอย่างครึกโครมต่อเนื่อง เพราะเกี่ยวข้องกับบรรดาเซเลบ มีทั้งพระ ดารา พิธีกร ร่วมโปรโมต จนชาวบ้านหลงเชื่อแห่ร่วมธุรกิจ เกิดความเสียหายเพราะไม่ตรงปกที่โฆษณาแห่เข้าแจ้งความจำนวนมาก จนกลบข่าวอื่นที่ควรจะนำเสนออย่างต่อเนื่อง อย่างข่าวไฟไหม้รถบัสอายุเก่า54ปี ทำครู นักเรียนดับสลด 23 ศพ

        แม้สื่อกระแสหลักลดความสำคัญของข่าวนี้ ได้แต่คาดหวังให้บรรดาครู ผู้ปกครองนักเรียน รวมถึงสื่อท้องถิ่น และชาวบ้าน ที่มีสื่อโซเซียล ทุกแพลตฟอร์มช่วยเกาะติดนำเสนอความเคลื่อนไหว เป็นระยะๆเพราะถ้าเงียบคดีอาจจบลงแค่ เอาผิดโชเฟอร์ เจ้าของรถ และเจ้าที่หน้าที่ขนส่งระดับล่างเท่านั้น

      ทั้งที่ในความเป็นจริงจะต้องตรวจสอบถึงต้นตอของหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างกรมขนส่งทางบก เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ที่ไม่ควรจะเกิด หากเจ้าหน้าที่รัฐมีความเข้มงวด ทำงานอย่างตรงไปตรงมา คุมเข้มถึงมาตรฐานความปลอดภัยของรถทุกชนิด

    หากเกิดในประเทศที่พัฒนาแล้ว ประชาชนจะได้เห็นภาพรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แสดงสปิริตลาออก อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และขนส่งจังหวัดที่ตรวจสภาพรถ ต้องถูกย้ายพ้นหน้าที่พร้อมตั้งกรรมการสอบสวน หาข้อเท็จจริงแล้วนำไปสู่การลงโทษ

   แต่เมืองไทยกลับไม่มีปรากฏการณ์นี้เลย ทั้งที่สาเหตุสำคัญเพราะรถบัสที่โดยสารมามาตรฐานความปลอดภัยแทบหาไม่เจอ ไม่ว่าจะเป็นติดตั้งถังแก๊สเกินจำนวนกฎหมายกำหนด ระบบสวิตท์ตัดแก๊สไม่อัตโนมัติ แถมประตูนิรภัยถูกปิดล็อคเปิดไม่ได้

  ทำให้เกิดความรู้สึกว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเหตุสลดสะเทือนขวัญที่มีการนำเสนอข่าวไปทั่วโลก เพราะหลังเกิดเหตุไม่ได้ขยับอะไรเลย นอกจากไปปลอบขวัญผู้เคราะห์ร้ายช่วงเกิดเหตุเท่านั้น

   ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วควรจะใช้โอกาสนี้แก้ปัญหาภายในกรมขนส่งทั้งระบบ เพราะเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับยานพาหนะทุกชนิด ล้วนเกี่ยวโยงถึงความปลอดภัยต่อชีวิตของประชาชนบนท้องถนน รวมถึงปัญหาต่างๆที่ผู้ไปใช้บริการต่างทราบกันดีว่าเพื่อความรวดเร็วจะต้องจ่ายปัจจัยตอบแทน


  ขอยกตัวอย่างให้เห็นสัก 2 กรณี โดยกรณีแรกปล่อยปละเลยให้รถบรรทุกแบกน้ำหนักบรรทุกเกินกฎหมายกำหนด ส่งผลให้ถนนทรุดพังเป็นหลุมเป็นบ่อ ทำให้รถทั้งส่วนบุคคลและสาธารณะประสบอุบัติเหตุบ่อยครั้ง หลายครั้งทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 10 คน เพราะเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบกมิได้กวดขันจับกุมอย่างจริงจังทั้งที่ถนนสายหลักทุกสายมีด่านชั่งน้ำหนัก จนกลายเป็นที่มาของสติ๊กเกอร์ส่วยรับผลประโยชน์กันอื้อซ่าทั้งเจ้าหน้าที่ขนส่งฯและตำรวจ

     หรือกรณีต่อภาษีป้ายที่ครอบครองโดนนิติบุคคลหรือรถที่ถือครองโดยบริษัทรถเช่า บริษัทรถท่องเที่ยง หรือ บริษัทไฟแนนซ์ต่างๆ  หากเจ้าของบริษัทมอบอำนาจให้พนักงานไปจ่ายภาษีป้ายโดยตรงกับเจ้าหน้าที่ขนส่งฯจะค่อนข้างลำบาก เพราะเจ้าหน้าที่ขนส่งฯจะให้ต่อครั้งละ 2 เล่ม แล้วให้กดบัตรคิวใหม่

    จึงเกิดบริษัทรับจ้างจ่ายภาษีป้ายขึ้น โดยบริษัทรับจ้างจะไปรับสำเนาทะเบียนรถจากบริษัทผู้ว่าจ้าง คิดราคาเล่มละ 40 บาท   จากข้อมูลที่ได้รับทราบจากบริษัทรับจ้างจ่ายภาษีป้ายระบุว่า เงินจำนวน 40 บาท ทางบริษัทจะได้ค่าดำเนินการเล่มละ 20 บาท อีก 20 บาทจะจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ขนส่งฯ

   นี่เป็นเพียงตัวอย่างไม่กี่กรณีพอฉายภาพให้เห็นว่าในกรมการขนส่งทางบกมีช่องโหว่ให้เจ้าหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ได้จำนวนมาก ยังไม่รวมถึงการตรวจสภาพรถ การฝึกอบรมครูสอนขับรถ การจองป้ายทะเบียนเลขสวน และการสอบใบขับขี่รถต่างๆ ล้วนแต่มีช่องโหว่ให้หาประโยชน์ได้ทั้งสิ้น

    หากนำมาภาพดังกล่าวมาต่อจิ๊กซอให้เป็นภาพใหญ่การทำงานของกรมการขนส่งทางบก จะพบว่าล้วนเกี่ยวพันกับความปลอดภัยบนท้องถนนแทบทั้งสิ้น แต่ทุกตัวจิ๊กซอล้วนแต่มีช่วงโหว่ให้หาประโยชน์ทั้งสิ้น เจ้าหน้าที่ขนส่งฯคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่าในหลายแผนกเจ้าหน้าที่ฯจะมีเงินติดกระเป๋ากลับบ้านอย่างน้อยวันละ 1,000-3,000 บาทเลยทีเดียว


  จึงไม่แน่ใจว่าอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ที่นั่งเก้าอี้นี้มา 4 ปีและรัฐมนตรีคมนาคมต่ออายุให้นั่งต่ออีก 1 ปี บริหารงานองค์กรแบบไหน ถึงทำให้เกิดเหตุสลดครูนักเรียนถูกไฟคลอกดับคารถ 23 ศพ ซึ่งในแวดวงกระทรวงคมนาคมต่างทราบกันดีว่าเก้าอี้อธิบดีกรมการขนส่งทางบกเป็นเก้าอี้หุ้มทอง

   ถ้า น.ส.แพทองธาร ต้องการให้ผู้ใช้รถใช้ถนนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ควรใช้โอกาสนี้ยกเครื่องการบริหารจัดการภายในกรมการขนส่งทางบก ให้เกิดความโปร่งใสไร้การทุจริตในทุกขั้นตอน หากทำได้จริงจะช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ระดับหนึ่ง และเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับกรณีอื่นต้องสั่งการกำชับให้สางคดี 23 ศพ จบแบบครบวงจรมีทั้งเข้าคุก ออกจากราชการหรือสำรองราชการ  ถ้าทำได้จริงรับรองว่าจะได้ยินเสียงเชียร์ดังกระหึ่ม !!!

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img