พื้นที่เกษตร 6แสนไร่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ กรมส่งเสริมการเกษตร เผยผลสำรวจความเสียหายพื้นที่เกษตรด้านพืชที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ คืบหน้า 85% เป็นพื้นที่เสียหายจริงประมาณ 6 แสนไร่
จากสถานการณ์อุทกภัย และปริมาณฝนที่ตกมาก ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและภาคใต้ฝั่งตะวันออก เป็นช่วงภัยที่เกิดในช่วง 14 ก.ค.– 27 ก.ย. 67 กรมส่งเสริมการเกษตรได้ดำเนินการตามนโยบายกระทรวงเกษตรฯในการลดระยะเวลาขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉิน ปี 62 เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรรวดเร็วยิ่งขึ้น จากเดิมไม่เกิน 90 วัน เหลือไม่เกิน 65 วัน และได้สั่งการให้ทุกจังหวัดจัดทำแผนปฏิบัติงานและบูรณาการการทำงานในพื้นที่ให้สามารถช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรได้ทันสถานการณ์ ปัจจุบันกรมส่งเสริมการเกษตรได้ดำเนินการสำรวจความเสียหายแล้ว คิดเป็น 85.16 % และอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย คิดเป็น 14.84 % เนื่องจากยังมีน้ำท่วมขังและบางพื้นที่เกิดกรณีน้ำหลากซ้ำ
นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า การดำเนินการสามารถช่วยเหลือเกษตรกรเสร็จสิ้นแล้ว คิดเป็นพื้นที่เสียหาย จำนวน 12,825.50 ไร่ วงเงินช่วยเหลือ 18,855.691.75 บาท อยู่ระหว่างการช่วยเหลือเกษตรกร 79,623 ราย คิดเป็นพื้นที่เสียหาย 644,876. ไร่ วงเงินช่วยเหลือ 917,331,001.75 บาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการรอประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) จำนวน 8 จังหวัด และพร้อมเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.)จำนวน 21 จังหวัด โดยคาดว่าจะสามารถสำรวจให้แล้วเสร็จ และพร้อมจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ก.ช.ภ.อ. ได้ครบถ้วน ภายในปลายเดือนตุลาคมนี้ เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือให้สามารถใช้เงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดหรือในอำนาจปลัดกระทรวงเกษตรฯ ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ปี 62 และหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ปี 64 โดยเกษตรกรจะต้องขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตรก่อนเกิดภัย โดยจะได้รับความช่วยเหลือครัวเรือนละไม่เกิน 30 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว ไร่ละ 1,340 บาท พืชไร่และพืชผัก ไร่ละ 1,980 บาท ไม้ผลไม้ยืนต้นและอื่น ๆ ไร่ละ 4,048 บาท ซึ่งระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ส่วนราชการมีวงเงินทดรองราชการในการให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนการให้ความช่วยเหลือ โดยมุ่งหมายที่จะบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าของผู้ประสบภัยพิบัติ แต่มิได้มุ่งหมายที่จะชดใช้ความเสียหายให้แก่ผู้ใด ซึ่งต้องเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการดำรงชีพและความเป็นอยู่ของประชาชน หรือเป็นการซ่อมแซมให้คืนสู่สภาพเดิม โดยการเบิกจ่ายเงินทดรองราชการให้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการและอัตราช่วยเหลือที่กระทรวงการคลังกำหนด
นายพีรพันธ์ กล่าวว่าสำหรับขั้นตอนการขอรับความช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านพืช โดยเกษตรกรจะยื่นเอกสารเพียงครั้งเดียว และภายใน 10 วันทำการหลังจากได้รับการอนุมัติ ธ.ก.ส.จะโอนเงินเข้าบัญชีให้เกษตรกรโดยตรง ตามลำดับต่อไป ให้เกษตรกรระวังการแอบอ้างจากมิจฉาชีพหรือผู้ไม่หวังดีในการรับเงินด้วย
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้เตรียมสนับสนุนการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยศูนย์ขยายพันธุ์พืช (ศขพ.) 10 แห่ง ได้จัดเตรียมเมล็ดพันธุ์และต้นพันธุ์พืชไว้พร้อมแล้ว ซึ่งเป็นพืชอายุสั้นที่เกษตรกรสามารถนำไปปลูกเพื่อเป็นอาหาร ลดค่าใช้จ่ายในครอบครัวและเพิ่มรายได้ เช่น เมล็ดพันธุ์พืชผัก 137,000 ซอง ประกอบด้วย พริก มะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว ถั่วพู และกระเจี๊ยบเขียว ต้นพันธุ์พืชผักพืชอาหาร 28,000 ซอง และต้นพันธุ์ไม้ผลไม้ยืนต้น รวมทั้งศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านการอารักขาพืช (ศทอ.) 9 แห่ง ได้ดำเนินการจัดเตรียมเชื้อราไตรโคเดอร์มา ทั้งแบบพร้อมใช้และหัวเชื้อขยาย พร้อมสนับสนุนเพื่อให้เกษตรกรนำใช้ในการฟื้นฟูป้องกันเชื้อสาเหตุโรคพืชสำหรับพื้นที่เพาะปลูกไม้ผลหลังน้ำลด และยังเปิดจุดบริการซ่อมเครื่องจักรกลทางการเกษตรที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยให้กับเกษตรกร ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเกษตรจังหวัด หรือสำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่ของท่าน.