ตำรวจเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาผู้บริหาร ดิไอคอนกรุ๊ป ขอปปง.เร่งอายัดทรัพย์ทันที

509

ตำรวจเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาผู้บริหาร ดิไอคอนกรุ๊ป ขอปปง.เร่งอายัดทรัพย์ทันที ส่วนดาราแม้ไม่บริหารงานแต่การกระทำชัด แจ้งข้อหาได้ทันที

เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการทำธุรกิจของ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด (The iCon Group Co., Ltd.) ว่า ตั้งแต่เมื่อวาน (10 ต.ค.) ต่อเนื่องถึงวันนี้ ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มีประชาชนที่ระบุว่าเป็นผู้เสียหายเดินทางมาร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประมาณ 120 ราย ความเสียหายรายละ 200,000-500,000 บาท รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 50 ล้านบาท โดยขณะนี้คณะทำงานได้รับพยานเอกสารของประชาชน ในส่วนของหลักฐานการติดต่อ การชักชวนไปร่วมลงทุนธุรกิจและตัวอย่างสินค้า รวบรวมไว้ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเรียบร้อยแล้ว
“ส่วนจะเป็นการประกอบธุรกิจขายตรงคล้ายกันกับบริษัทใหญ่ที่เป็นที่รู้จักหรือไม่ ส่วนนี้เจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบการจดทะเบียนขออนุญาตการประกอบกิจการ เพราะธุรกิจขายตรงต้องมีการจดทะเบียนขออนุญาต รวมถึงต้องสอบถามตัวแทนขายว่าลักษณะการไปอบรม การนำทรัพย์สินไปใช้ในธุรกิจดังกล่าวมีลักษณะใดเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายธุรกิจขายตรงหรือไม่” รรท.ผบ.ตร. กล่าว

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าลักษณะธุรกิจขายตรง กับแชร์ลูกโซ่ มีเส้นบางๆกั้นอยู่ ทางคณะตำรวจที่ทำงานจะต้องพยายามรวบรวมข้อเท็จจริง สรุปวินิจฉัยอย่างรอบคอบ ซึ่งภายในวันนี้จะพยายามระบุข้อหาความผิดให้ได้ว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องถูกกล่าวหาความผิดเรื่องใดบ้าง

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวอีกว่า ในชั้นแรกจะมุ่งไปที่ตัวผู้ประกอบการ (ผู้บริหารบริษัท) ก่อนว่ากระทำผิดประเภทไหน จากนั้นจึงเป็นการพิจารณาบุคคลที่เกี่ยวข้องว่าเข้าข่ายลักษณะความผิดของตัวการ ด้วยหรือเป็นเพียงผู้เข้าร่วม

ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ผ่านมามีการเคลื่อนไหวผ่านทางโซเชียลหรือการแถลงข่าวว่าไม่ได้เป็นกรรมการหรือผู้บริหารบริษัท รรท.ผบ.ตร. กล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะให้การและกล่าวอ้างได้ทั้งหมด แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ต้องยึดถึงคำให้การของผู้เสียหายด้วยว่า ที่ผ่านมาบุคคลเหล่านั้นมีพฤติการณ์อย่างไรบ้างในบริษัท กระบวนการของตำรวจคือการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ถ้าพบว่ากระทำความผิดก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหา แต่ทั้งนี้ตราบใดที่เรื่องไปถึงศาลและศาลยังไม่พิพากษาว่าเป็นผู้ต้องหาพวกเขาก็จะเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ในขณะนี้เราทำงานอย่างเต็มที่เพราะเรารู้ว่าพี่น้องประชาชนกำลังเดือดร้อนจากเหตุการณ์นี้

“ส่วนคดีในอดีตคือบทเรียน บางทีตำรวจก็ถูกฟ้อง ตนจึงกำชับว่าให้ทำอย่างรอบคอบและเป็นไปตามกฎหมายอย่างแท้จริง พนักงานสอบสวนจึงจำเป็นต้องใช้ความละเอียดรอบคอบในเหตุที่เกิดข้อเท็จจริงที่ปรากฏรายละเอียด ของเหตุการณ์ที่ผู้เสียหายแต่ละท่านได้ถูกกระทำ” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าว

รรท.ผบ.ตร. กล่าวว่า ในส่วนของ ปปง. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งหนังสือระบุถึงพฤติการณ์ผู้บริหารบริษัทดังกล่าวประกอบกับคำให้การผู้เสียหาย ตนเองได้พูดคุยกับเลขาธิการปปง.โดยตรง ว่าเรื่องนี้ตำรวจมีหน้าที่สอบสวนแต่ไม่มีอำนาจยึดทรัพย์ใคร เพียงแต่ตำรวจมองว่าพี่น้องประชาชนกำลังเดือดร้อน ดังนั้นผู้ที่ถูกกล่าวหาอาจจะกระทำความผิด
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวอีกว่า ข้อห่วงใยจากตำรวจ คือขอให้เร่งรัดในการพิจารณายุติการดำเนินธุรกรรมทางการเงินของผู้บริหาร และวันนี้จะมีการประชุมระหว่างปปง. สคบ. และตร. เพื่อติดตามความคืบหน้า และยืนยันว่าหนังสือที่ส่งถึงปปง. มีความครบถ้วนรอบคอบแล้ว เป็นความคิดที่ตำรวจเข้าใจพี่น้องประชาชนว่าเดือดร้อน จากกรณีที่คิดว่าถูกหลอกลวงทรัพย์สินเงินทอง

เมื่อถามว่ากรณีดาราที่มีส่วนที่จะทำให้ประชาชนตัดสินใจมาร่วมลงทุน และระบุว่าตนไม่ใช่ฝ่ายบริหาร จะมีการพิจารณาดำเนินคดีความผิดใดหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ถ้าข้อเท็จจริงที่ได้พาดพิงถึงท่านใด ยืนยันว่าจะเรียกมาสอบสวนทั้งหมด หากพบว่าพฤติการณ์ดังกล่าวมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดจะต้องถูกแจ้งข้อกล่าวหาด้วย แม้บุคคลนั้นจะไม่มีตำแหน่งในบริษัท แต่มีพฤติการณ์ความผิด ทั้งนี้มีการเตรียมการป้องกัน หากมีการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในการหลบหนีออกนอกประเทศ

#Thaitabloid#สำนักข่าวไทยแทบลอยด์#ไอคอนกรุ๊ป#พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ