กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงกรณีสื่อมวลชนนำเสนอข่าว ทหารยศ สิบเอก ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงใส่โรงเรียนโสตศึกษา เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย
วันนี้ (9 ต.ค. 67) กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงกรณีสื่อมวลชนนำเสนอข่าว “เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2567 เวลา 13:00 น. สิบเอก พลังรัฐฯ อายุ 32 ปี ทหารกองทัพภาคที่ 2 จังหวัดนครราชสีมา ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงใส่บริเวณบ้านพักครูอาจารย์ที่กำลังก่อสร้างอยู่ติดหอพักนักเรียนภายในโรงเรียนโสตศึกษา ตำบลบ้านเล่า อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ เป็นเหตุให้ช่างก่อสร้างบ้านพักครูบาดเจ็บ 2 ราย สาเหตุถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าลำตัวและสะโพกได้รับบาดเจ็บ ซึ่งต่อมาหน่วยกู้ชีพ องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเล่า ได้นำตัวตัวส่งไปรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ที่โรงพยาบาลชัยภูมิ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าล้อมบ้านผู้ก่อเหตุ โดยใช้กำลังชุดจู่โจมเข้าจับกุม ด้วยการใช้ปืนช็อตไฟฟ้ายิงใส่ผู้ก่อเหตุ จนสามารถจับกุมได้ จากการตรวจค้นภายในบ้านพบอาวุธปืนยาวชีแชด 1 กระบอก ปืนลูกซองยาว 5 นัด 1 กระบอก และปืนพกสั้น 9 มม. อีก 1 กระบอก จากนั้น เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวไปสอบสวนพร้อมทั้งแจ้งข้อหา จำนวน 2 ข้อหา คือ ข้อหาพยายามฆ่า และข้อหาครอบครองอาวุธปืน”
กองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบพบว่าผู้ก่อเหตุ คือ สิบเอก พลังรัฐ พรพุ่มพวง เป็นข้าราชการทหาร สังกัด กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 3 ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา จริง ระหว่างก่อเหตุ สิบเอก พลังรัฐฯ อยู่ระหว่างการถูกพักราชการ ตั้งแต่ 13 ต.ค.65 ความผิดฐานเป็นข้าราชการมีไว้ในครอบครอง ซึ่งยาเสพติด ประเภท 1 โดยฝ่าฝืนกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 90, 145 วรรคหนึ่ง, 180 คดีอยู่ระหว่างฎีกาต่อศาลทหารสูงสุด ต่อมา เมื่อ 11 พ.ย.66 สิบเอก พลังรัฐฯ ได้กระทำความผิดอาญาฐานพาอาวุธติดตัวไปในหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควร, บุกรุกเคหสถานของผู้อื่นในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธโดยใช้กำลังประทุษร้าย, ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ทำให้เสียทรัพย์ คดีอยู่ในระหว่างอุทธรณ์ และได้รับการประกันตัวต่อสู้คดี และเมื่อวันที่ 8 ต.ค.67 เวลาประมาณ 13.00 น. มีพฤติกรรมกระทำความผิดใช้อาวุธปืนยิงใส่โรงเรียนโสตศึกษา เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย และมีอาวุธปืนในครอบครอง 3 กระบอก ซึ่งเป็นปืนส่วนตัว และมีเหตุจูงใจเกิดจากปัญหาความเครียดทางครอบครัว
ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 2 ขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เข้าคลี่คลายสถานการณ์และระงับเหตุได้อย่างรวดเร็ว และขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวและญาติพี่น้องของผู้ได้รับบาดเจ็บ ในเบื้องต้นหน่วยได้ให้จัดผู้แทนเดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บที่รักษาตัวอยู่ทีโรงพยาบาล และพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินคดีทางกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาผู้บังคับบัญชาได้เน้นย้ำให้กำลังพลทุกระดับ ให้ประพฤติปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีของสังคม และห้ามมิให้กำลังพลกระทำความเสื่อมเสีย อันเข้าข่ายผิดกฎหมายและผิดวินัยทหารอย่างร้ายแรง หากผลสอบสวนพบว่ามีความผิดจริงจะถูกดำเนินการทั้งทางวินัยและทางคดีอาญาอย่างถึงที่สุดต่อไป
