มท.1 จวก ผู้ว่าฯเชียงรายทิ้งงาน เล็งตั้งกก.สอบ-แต่กลับลำยกเลิก วอนบริหารแบบเห็นหัวชาวบ้านบ้าง

1416



ครั้งที่แล้วเขียนถึงวันที่ข้าราชกการถอดหัวโขนเกษียณอายุกลับไปชาวบ้านธรรมดา โดยหยิบยกคติที่บรรดาข้าราชการมักจะยกมาพูดถึงเสมอว่า ” เกียรติศักดิ์ ศักดิ์ศรีของข้าราชการคือเกียรติแห่งการรับใช้ชาติ บ้านเมือง และประชาชน” พร้อมกับหยิบประเด็นที่นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตำหนิผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน ระหว่างลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผู้ประสบพื้นที่ว่าผู้ว่าราชการจังหวัดทิ้งงาน มาเขียนถึง

    ซึ่งเป็นคำตำหนิที่ได้ใจชาวบ้านแบบเต็มๆเพราะมาถูกจังหวะและเข้าถึงอารมณ์ของผู้ประสบภัยอย่างแท้จริง เพราะนายอนุทิน ลั่นวาจาว่าจะต้องตั้งกรรมการสอบสวนแม้จะใกล้เกษียณก็ตาม

      จึงขอย้อนข้อความบางตอนที่นายอนุทินพูดถึงอีกครั้งระหว่างลงพื้นที่พร้อมกับน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าผู้ว่าฯเชียงรายมาต้อนรับเพียงแป๊ปเดียว เพื่อรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีถามผมว่าผู้ว่าฯเชียงรายกลับไปกรุงเทพฯแล้วหรือ ได้ขออนุญาตหรือไม่ ผมได้ขอโทษนายกรัฐมนตรีทันที ซึ่งเขาไม่ได้มาบอกหรือขออนุญาตอะไร เป็นสิ่งไม่ควรทำ

        “ตรงนี้เป็นปัญหาเดิมๆพฤติกรรมเดิมๆที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนอะไรที่ต้องออกนอกพื้นที่ เพราะชาวเชียงรายเดือดร้อนแสนสาหัส ทั้งน้ำท่วมดินถล่มถือว่าสาหัสมากๆเท่ากับว่าผู้ว่าฯเชียงรายทิ้งงานให้นายกรัฐมนตรีทำแทนการอ้างเกษียณอายุราชการคงไม่ได้ เพราะคนมหาดไทยลมหายใจคือประชาชน จะต้องกรรมการสอบสวนถึงความจำเป็นเร่งด่วนเพราะถือเป็นพฤติกรรมซ้ำซากที่ไม่ปฏิบัติงาน ถือเป็นการกระทำที่อัปยศอดสูของกระทรวงมหาดไทยในฐานะที่ต้องบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชน”นายอนุทินระบุ

    นายอนุทินบอกอีกว่า ที่เชียงรายมีรองผู้ว่าฯ 4 คน มีรองผู้ว่าฯมาเพียงคนเดียว รองผู้ว่าฯอีก 1 คนจะเกษียณอายุ ขณะที่รองผู้ว่าฯอีก 2 คนไปรายงานตัวเรียนหลักสูตร วปอ. ซึ่งไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะไปด้วยซ้ำประชาชนเดือดร้อนขนาดนี้แล้ว แม้จะต้องสละสิทธิ์เรียน วปอ.ต้องสละสิทธิ์ ขณะตัวผู้ว่าฯไปร่วมพิธีเกษียณอายุในกรุงเทพฯแล้วปล่อยให้ประชาชนอยู่ด้วยกันด้วยความอยากลำบาก

    จากอาการที่นายอนุทิน แสดงออก ทำให้ประชาชนทั่วไปรวมถึงผู้ประสบภัยในพื้นที่ รู้สึกได้ว่านายอนุทิน ให้ความสำคัญกับความเดือดร้อนของประชาชนอย่างแท้จริง ขนาดผู้ว่าฯที่กำลังเกษียณอายุอีกเพียงไม่กี่วันยังตั้งกรรมสอบสวนเพื่อหาความจริงว่าทำไมต้องทิ้งงาน

     แต่เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วันความรู้สึกนั้นกลับหายไปแบบเฉียบพลัน เมื่อนายอนุทินกลับถึงกรุงเทพฯเกิดอาการพลิกลิ้นกลับลำ ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ก่อนเป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยตอนหนึ่งว่า ขอฝากความหวังในการปฏิบัติภารกิจของรัฐบาลและนโยบายของรัฐมนตรีมหาดไทยอย่างมีประสิทธิภาพ มีธรรมมาภิบาลทำให้ประชาชนคนไทยเห็นว่าพวกเราทุกคนอยู่ที่นี่เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชนอย่างชัดเจน

   “ขอให้วันนี้เป็นโอกาสใหม่ของการเริ่มต้นปีงบประมาณ 2568 ด้วยความสมัครสมานสามัคคีไปด้วยกัน ขอย้ำว่าเราทุกคนไม่เสียเวลามองอดีต เรามีความอดทนพร้อมรับความกดดัน เอางานเป็นสำคัญ ขอให้ทุกท่านปฏิบัติหน้าที่ดำรงคงไว้ซึ่งความมีวินัยของข้าราชการอย่างเต็มที่ตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน การทำงานต้องรู้จักผู้บังคับบัญชาและที่สำคัญต้องรู้จักว่าเจ้านายของเราคือประชาชน”นายอนุทินระบุและว่าขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดทุกท่านให้ทำงานอย่างเต็มที่ไม่มีเกียร์ว่าง สิ่งที่เกิดขึ้นที่เชียงราย เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ไม่มีการตั้งกรรมการสอบสวน ไม่ต่อความยาวสาวความยืด ไม่มีถูก ไม่มีผิด ทุกคนทราบสถานการณ์ดี สิ่งที่ต้องคิดและให้ความสำคัญตอนนี้คือปัญหาของประชาชน

     หากมองระหว่างบรรทัดคำว่าทำเพื่อประชาชนถูกยกมาเอ่ยอ้าง ให้ดูสวยหรู พร้อมกับให้ลืมเรื่องผ่านมาโดยเฉพาะประเด็นผู้ว่าฯเชียงรายที่นายอนุทิน กล่าวโทษแบบเต็มๆว่าทิ้งงาน คงไม่ต้องตีความว่าผิดหรือไม่อย่างไรวิญญูชนคงมองออก เพราะนายอนุทิน เองยังบอกว่าต้องตั้งกรรมการสอบสวน


      แต่เวลาผ่านไปเพียงชั่วข้ามคืนนายอนุทินกลับลำว่าไม่มีผิด ไม่มีการตั้งกรรมการสอบสวน จึงอดสงสัยไม่ได้ว่าเมื่อกลับลำจะเข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เพราะกล่าวหาเอง แถมบอกว่าต้องปฏิบัติหน้าที่ดำรงคงไว้ซึ่งความมีระเบียบวินัยของข้าราชการอย่างเต็มที่ จึงไม่แน่ใจว่าถ้าข้าราชการทิ้งงานเข้าข่ายผิดระเบียบวินัยหรือไม่ ?  

   ดังนั้นเพื่อความกระจ่างหรือทำความจริงให้ปรากฏนายอนุทิน ควรดำเนินการตามที่ลั่นวาจาไว้  เพราะระเบียบวินัยข้าราชการมีไว้กำกับให้ข้าราชการคอยปฏิบัติยึดถือเพื่อไม่ให้ปฏิบัตินอกลู่นอกทางไปสร้างความเสียหายให้กับส่วนรวม

   จากบริบทดังกล่าวจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยและผู้นำหน่วยของกระทรวงฯใช้อารมณ์บริหารมากกว่ายึดหลักการบริหาร แบบไม่ต้องสนใจความรู้สึกของประชาชนกระนั้นหรือ ทั้งที่ปากพร่ำอยู่ตลอดเวลาว่าประชาชนคือเจ้านาย

   ดังนั้นจากพฤติกรรมของผู้มีอำนาจทั้งในภาคการเมืองและภาครัฐ ที่แสดงออกมาประชาชนคนธรรมดาอย่างพวกเราคงทำอะไรได้ไม่มากกว่าการยืนมองตาปริบๆพร้อมส่งเสียงกระซิบว่าช่วยบริหารแบบเห็นหัวชาวบ้านบ้างนะ !!!