“รรท.ผบ.ตร.” สั่งรวมคดีหลอกขายทองคำปลอม ให้ บช.ก.เป็นศูนย์คลี่คลายคดี จ่อเรียกดารา-อินฟลูฯ กว่า 20 คนให้ปากคำ ประสาน ปปง.ตรวจเส้นเงินและทรัพย์สินทั้งหมด
เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ศูนย์ปฎิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดหลอกขายทองคำไม่ได้คุณภาพ โดยระบุว่าเบื้องต้นได้รับรายงานจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) แล้ว ว่ามีการจับกุมผู้กระทำผิด 2 คน ซึ่งเป็นบุคคลที่เป็นตัวการใหญ่ วันนี้จะนำตัวไปฝากขังโดยคัดค้านการประกันตัว นอกจากนี้ได้สั่งการให้ ผบก.ปคบ. ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา และจากนี้ไปให้ขยายผลว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้อง มีพฤติกรรมในการกระทำผิดเข้าข้อกฎหมายใด ซึ่งต้องไม่มียกเว้น ละเว้น หรือช่วยเหลือเด็ดขาด เพราะเป็นเรื่องที่กระทบต่อความรู้สึกและประชาชนถูกเอารัดเอาเปรียบ เสียเงินเสียทองเป็นจำนวนมาก จากนี้ไปก็จะเข้าสู่กระบวนการสอบสวนและขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยจะรวบรวมข้อเท็จจริงรวมถึงหลักฐานและออกหมายเรียก หากพบว่ามีการกระทำความผิดเพิ่มเติม
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ได้สั่งการทุกพื้นที่เพื่อให้รับแจ้งความ เพราะมั่นใจว่ามีผู้เสียหายหลายคนที่ไม่ได้อยู่แค่ในกรุงเทพมหานครเท่านั้น ซึ่งผู้เสียหายสามารถไปแจ้งความที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่กรุงเทพฯ เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ได้รับความเสียหาย และคดีนี้จะได้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยจะมอบหมายให้ตำรวจสอบสวนกลางเป็นผู้รับผิดชอบในคดีนี้ ส่วนจะต้องโอนคดีมาที่ บช.ก.หรือไม่ ขอดูรายละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากต่างกรรมต่างวาระ
ด้าน พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการ ปคบ. กล่าวว่า หลังจากนี้จะขยายและรวบรวมพยานหลักฐานกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีชื่อเสียง อินฟลูเอนเซอร์ ที่ทำหน้าที่ไลฟ์สดขายของไม่ต่ำกว่า 20 คน ก็จะต้องถูกเชิญมาให้ปากคำทั้งหมด เบื้องต้นอาจมีความผิดเข้าข่ายหลาย พ.ร.บ. ขึ้นอยู่กับว่าเข้าไปเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน
“ส่วนที่บอกว่าได้ค่าจ้าง แต่อ้างว่าไม่รู้ว่าเป็นสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ประเด็นนี้ต้องตรวจสอบว่าเหตุผลฟังขึ้นหรือไม่ แต่ทุกอย่างจะต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน ถ้ามีพฤติการณ์ใดที่เข้าความผิดก็จะดำเนินคดีทุกราย และต้องดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ผิดก็คือผิด ห้ามเข้าไปเกี่ยวข้องช่วยเหลือเด็ดขาด” ผบก.ปคบ. กล่าว
พล.ต.ต.วิทยา กล่าวอีกว่า เรื่องเส้นทางการเงินและทรัพย์สินของผู้ต้องต้องหา ตรงนี้ได้เชิญสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอก (ปปง.) มาร่วมตรวจสอบแล้ว ส่วนทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ อยู่ระหว่างประสานเพื่อตรวจสอบว่าเป็นทรัพย์สินที่แปรสภาพหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา ปคบ.ได้เฝ้าติดตามข่าวสารและพฤติกรรมของผู้ต้องหามาโดยตลอด