ชาวสีกากีลุ้น”นายกฯ-ก.ตร.”ร่วมสร้างมิติใหม่ตั้ง”ผบ.ตร.”ด้วยการยึดมั่นกฎกติกาอย่างเคร่งครัด รอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 แบเบอร์

646


      ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาแวดวงสีกากีต่างตั้งวงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)คนใหม่ แทน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เกษียณอายุในวันที่ 30 กันยายนว่าจะไปในทิศทางใด  เพราะต่างทราบกันดีว่าการได้มาซึ่ง ผบ.ตร.แต่ละยุคแต่ละสมัยล้วนแหกกฎกติกามาแทบทั้งสิ้น

      แต่ครั้งนี้จะแตกต่างกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะกฎหมายตำรวจฉบับล่าสุดมีกลไกที่จะให้ผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมร้องขอความเป็นธรรมผ่านคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ(ก.พ.ค.ตร.)ที่แต่งตั้งเรียบร้อยแล้ว และ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.ประเดิมใช้บริการมาแล้ว

      ดังนั้นในห้วงเวลานี้ก่อนที่จะถึงวันสุกดิบที่นายกรัฐมนตรีจะเสนอชื่อรองผบ.ตร.ให้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)ลงมติเลือกเป็น ผบ.ตร. จะพบความเคลื่อนไหวของ ก.ตร.และก.พ.ค.ตร. 2 คน ให้ความเห็นถึงระบบคุณธรรมในการแต่งตั้งโยกย้าย นั่นคือ นายธวัชชัย ไทยเขียว ก.พ.ค.ตร.และ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ

  โดยนายธวัชชัย โพสต์ในเฟซบุ๊กแคปชั่นว่า #ระบบคุณธรรมในสำนักงานตำรวจแห่งชาติความท้าทายที่ควรจับตามอง#พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2565 โครงสร้าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ประกอบด้วย 12 หมวด รวม 181 มาตรา ที่น่าสนใจคือการเน้นย้ำคำว่า”คุณธรรม” มากถึง 14 ครั้ง พอจะจำแนกออกไปเฉพาะคำว่า”ระบบคุณธรรม”มีกล่าวสูงถึง 12 ครั้ง กระจายไปตามที่ต่างๆทั้งฉบับ ตั้งแต่บททั่วไปจนถึงเหตุผลในการประกาศใช้  “อาทิ ให้จัดทำมาตรฐานการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจให้เป็นไปตามระบบคุณธรรมที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ก.ตร.หรือในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ ก.พ.ค.ตร.ที่กำหนดเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจ ทั้งบัญญัติให้จัดระเบียบข้าราชการตำรวจให้คำนึงถึงระบบคุณธรรมไว้ 5 ประการและที่สำคัญกำหนดให้มีหมวดการวางระบบคุ้มครองคุณธรรมไว้เป็นการเฉพาะเจาะจง โดยกำหนดให้ ก.พ.ค.ตร.มีหน้าที่และอำนาจเสนอแนะต่อ ก.ตร.เพื่อให้ดำเนินการปรับปรุงนโยบายบริหารงานบุคคลในส่วนที่เกี่ยวกับการพิทักษ์ระบบคุณธรรม…”นายธวัชชัยระบุ

  นายธวัชชัยระบุอีกว่าองค์ประกอบสำคัญเกี่ยวกับการแต่งตั้งเช่นจัดเรียงลำดับอาวุโสหรือในการแต่งตั้งถ้าผู้บังคับบัญชาไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดใน พ.ร.บ.นี้ให้ถือว่าผู้บังคับบัญชานั้นทำผิดวินัย ตั้งแต่วินัยไม่ร้ายแรงถึงร้ายแรงแล้วแต่กรณี ผู้มีอำนาจต้องพิจารณามีคำสั่งลงโทษภายใน 30 วันนับแต่วันที่รับแจ้งจาก ก.พ.ค.ตร.หรือศาลปกครองสูงสุดโดยไม่ต้องดำเนินการสอบสวนอีก

 “ดังนั้นผู้มีอำนาจออกคำสั่งแต่งตั้งตามกฎหมายต้องปฏิบัติตามกฎหมายโดยยึดระบบคุณธรรมอย่างเคร่งครัด อย่าทำตามคำขอหรือคำสั่งของคนที่เหนือกว่า” นายธวัชชัยระบุและว่า ก.พ.ค.ตร.ยังยืนตัวตรง

ขณะที่ พล.ต.อ.เอก โพสต์ในเฟซบุ๊ก ตอนหนึ่งว่า บทบัญญัติกฎหมาย กำหนดหลักประกันการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจตามระบบคุณธรรม ให้คำนึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถเพื่อให้ตำรวจปฏิบัติหน้าที่อิสระ ไม่ตกอยู่ใต้อาณัติของบุคคลใด มีมาตรการป้องกันมิให้ผู้ใดใช้อำนาจหรือกระทำโดยมิชอบกำหนดกระบวนการแต่งตั้งให้ชัดเจน ให้ ก.พ.ค.ตร.เพื่อวินิจฉัยอุทธรณ์หรือร้องทุกข์ เป็นที่พึ่งของตำรวจ หากแต่งตั้งไม่เป็นไปตามกฎหมาย ผู้บังคับบัญชาอาจต้องรับโทษทั้งวินัยและอาญา

พล.ต.อ.เอก บอกอีกว่า การปฏิรูปตำรวจถูกบัญญัติไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นหน่วยงานแรกและหน่วยงานเดียวที่ถูกบัญญัติไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ แสดงว่าองค์กรตำรวจมีความสำคัญและจำเป็นเร่งด่วนที่ทุกรัฐบาลต้องให้ความสำคัญในการแก้ไขปรับปรุงและพัฒนา

 “พิจารณาจากการวิเคราะห์ วิจัยผลโพล จากสำนักต่างๆรวมถึงความเห็นของตำรวจ โดยภาพรวมมีความเห็นตรงกันว่า เกิดจากการแต่งตั้งโยกย้ายผิดฝาผิดตัวใช้คนไม่ตรงกับงาน การซื้อขายตำแหน่งและการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม เชื่อว่าผู้มีอำนาจและนักการเมืองซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชนรับทราบเป็นอย่างดี ดังนั้นการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ครั้งนี้จะเป็นข้อพิสูจน์ว่าผู้มีอำนาจจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการแต่งตั้งหรือจะสร้างซากปรักหักพังเพิ่ม”พล.ต.อ.เอกระบุและว่า หวังว่าประวัติศาสตร์หน้าใหม่จะเกิดขึ้นต่อไป…  


     การเคลื่อนไหวของนายธวัชชัยและพล.ต.อ.เอก ต่างมุ่งหวังให้การแต่งตั้งโยกย้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นยึดหลักกฎหมายและระบบคุณธรรมอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ตำรวจที่ไร้เส้น ไร้พวก ไร้ปัจจัย คุณสมบัติครบถ้วนและมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ได้รับการปูนบำเหน็จและเห็นความก้าวหน้าบนเส้นทางรับราชการ และทั้งสองยังกำชับอยู่ในทีว่าผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจแต่งตั้งในทุกระดับพึงตระหนักว่าหากละเลยจะมีโทษทั้งวินัยและอาญา อย่างหลีกเลี่ยงลำบาก

ดังนั้นปรากฏการณ์แรกที่จะพิสูจน์ความขลังของกฎหมายฉบับนี้นั่นคือการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่คาดว่าจะมีขึ้นช่วงตนเดือนตุลาคมนี้ หาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ ก.ตร.จะร่วมกันสร้างมิติใหม่ด้วยการยึดมั่นกฎกติกาอย่างเคร่งครัด พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 แบเบอร์

แต่ถ้า น.ส.แพทองธารและก.ตร.ส่วนใหญ่ละเลยเลือกที่จะเลี่ยงบาลีประวิงเวลาให้ตั้งระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.ขยับเป็นรอง ผบ.ตร.ก่อนแล้วค่อยเสนอชื่อ รองผบ.ตร.ที่มิใช่อาวุโสอันดับ 1 ให้ ก.ตร.ไฟเขียว เชื่อว่า ก.พ.ค.ตร.คงจะได้รับเรื่องร้องขอความเป็นธรรมอย่างแน่นอน เว้นผู้เสียหายเกิดอาการไม่อยากตอแยยอมปล่อยผ่าน แบบในอดีตที่เคยเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ก.พ.ค.ตร.ต้องรอเก้อ เท่ากับว่าความพยายามของหลายฝ่ายที่อยากให้องค์กรตำรวจสลัดพ้นจากวงจรอุบาทว์คงเสียเปล่า !!!