สศท.5 เผยแนวทางการบริหารจัดการสินค้าทุเรียน ในพื้นที่ไม่เหมาะสม (S3,N) จ.สุรินทร์

245

สศท.5 เผยแนวทางการบริหารจัดการสินค้าทุเรียน ในพื้นที่ไม่เหมาะสม (S3,N) จ.สุรินทร์
นางสุจารีย์ พิชา ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 5 นครราชสีมา (สศท. 5)

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ทุเรียนถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง ตลาดมีความต้องการต่อเนื่อง ซึ่งจ.สุรินทร์นับเป็นอีกจังหวัดที่เกษตรกรในพื้นที่ปรับเปลี่ยนมาปลูกทุเรียนทดแทนพื้นที่มันสำปะหลังและยางพารา ตามโครงการบริหารจัดการการผลิตสินค้าเกษตรตามแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map) โดยปี 67 จ.สุรินทร์ มีเนื้อที่ยืนต้นทุเรียนรวม 2,000 ไร่ ปลูกในพื้นที่เหมาะสมมาก (S1/S2) ร้อยละ 44.40 และพื้นที่ไม่เหมาะสม (S3/N) ร้อยละ 55.60 แหล่งปลูกสำคัญอยู่บริเวณเชิงเทือกเขาพนมดงรัก ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของอ.พนมดงรัก บัวเชด สังขะ และอ.กาบเชิง เกษตรกรนิยมปลูกทุเรียนพันธุ์หมอนทองและก้านยาว

จากการติดตามของ สศท.5 พบว่า เกษตรกรที่ปลูกทุเรียนในพื้นที่เหมาะสมมาก (S1/S2) จะได้ผลผลิต 319.33 กิโลกรัม/ไร่/ปี ผลกำไร 24,183.53 บาท/ไร่/ปี หรือ 75.73 บาท/กิโลกรัม ซึ่งหากเทียบกับเกษตรกรที่ปลูกทุเรียนในพื้นที่ไม่เหมาะสม (S3,N) จะได้ผลผลิต 286.67 กิโลกรัม/ไร่/ปี กำไร 9,807.55 บาท/ไร่/ปี หรือ 34.21 บาท/กิโลกรัม ซึ่งจะเห็นได้ว่าทุเรียนที่ปลูกในพื้นที่เหมาะสมมาก (S1/S2) ให้ปริมาณผลผลิตที่สูงกว่า พื้นที่ไม่เหมาะสม (S3,N) เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของดิน ความเป็นกรดเป็นด่าง ความชื้น และแหล่งน้ำ สามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตและได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดี สำหรับราคาทุเรียนที่เกษตรกรขายได้ ณ เดือนก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาด มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 150 – 180 บาท/กิโลกรัม ขณะที่ผลผลิตส่วนใหญ่ร้อยละ 90 เกษตรกรจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง ผลผลิตร้อยละ 5 พ่อค้ามารับซื้อที่หน้าสวนและรวบรวมไปขายต่อในจังหวัด ที่เหลือเกษตรกรจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ของตนเอง

ทั้งนี้ ทุเรียนยังถือว่าเป็นสินค้าที่มีศักยภาพของจ.สุรินทร์ แต่อย่างไรก็ตาม เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนจ.สุรินทร์ ยังพบปัญหา เพราะส่วนใหญ่ไม่มีประสบการณ์ในการปลูกมาก่อนทำให้ขาดองค์ความรู้ในการดูแลรักษา รวมทั้งการขาดแคลนแหล่งน้ำทุเรียนยืนต้นตาย ซึ่งแนวทางในการบริหารจัดการสินค้าที่มีศักยภาพ ในพื้นที่ S3/N จ.สุรินทร์ ได้แก่

1) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงคุณภาพดิน และเพิ่มแหล่งน้ำ เช่น การพัฒนาคุณภาพดินให้มีประสิทธิภาพในการผลิตการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน การบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ ได้แก่ เพิ่มพื้นที่ชลประทาน จัดหาแหล่งน้ำในไร่นา เป็นต้น

2) การปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชทางเลือกอื่นที่มีศักยภาพ และมีตลาดรองรับ เพื่อทดแทนในพื้นที่ทุเรียนยืนต้นตาย หรือให้ผลผลิตน้อย เช่น พืชสมุนไพรอินทรีย์ การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เป็นต้น

3) การทำเกษตรผสมผสาน เป็นอีกทางเลือกที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกร และเพื่อความมั่นคงของครัวเรือน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดความเสี่ยงในการปลูกพืชเชิงเดี่ยวของเกษตรกร หากเกษตรกรหรือท่านใดที่สนใจข้อมูลเกี่ยวกับต้นทุนผลตอบแทนการผลิตทุเรียนจ.สุรินทร์ สามารถสอบถามได้ที่ สศท.5 นครราชสีมา โทร. 0-4446-5120 หรืออีเมล์ zone5@oae.go.th

#Thaitabloid#สำนักข่าวไทนแทบลอยด์