ส่องราคาข้าวส่งออก 7 เดือนเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า

113

ส่องราคาข้าวส่งออก 7 เดือนเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า

นางธัญธิตา บุญญมณีกุล รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาและการส่งออกข้าวของไทยในปี67นี้ ว่า มีทิศทางที่ดี โดยราคาข้าวเปลือกที่เกษตรกรขายได้ขยับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการส่งออกข้าวก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยพบราคาในช่วง 9 เดือน (ม.ค.–ก.ย.) ราคาข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลิ เฉลี่ยตันละ 14,813 บาท สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 66 ร้อยละ 4.09 ข้าวเปลือกเจ้าพันธุ์ปทุมธานี 1 เฉลี่ยตันละ 12,486 บาท สูงขึ้นร้อยละ 7.35 ข้าวเปลือกเหนียว เฉลี่ยตันละ 12,038 บาท สูงขึ้นร้อยละ 2.98 และข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% เฉลี่ยตันละ 10,908 บาท สูงขึ้นร้อยละ 3.87

สำหรับการส่งออกข้าวในช่วง 7 เดือน (ม.ค.– ก.ค.) มีทิศทางเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 66 เช่นกัน โดยไทยส่งออกข้าวปริมาณ 5.68 ล้านตัน มูลค่า 132,396 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 66 ร้อยละ 21.96 และร้อยละ 50.97 ตามลำดับ เมื่อแยกเป็นรายชนิดข้าว พบว่า ข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลิ มีปริมาณการส่งออก 0.93 ล้านตัน มูลค่า 29,503 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ร้อยละ 8.44 และร้อยละ 23.26 ข้าวเปลือกเจ้าพันธุ์หอมปทุมธานี 1 ปริมาณ 0.37 ล้านตัน มูลค่า 9,546 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 44.12 และร้อยละ 65.55 ข้าวเปลือกเหนียว ปริมาณ 0.17 ล้านตัน มูลค่า 4,426 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.31 และร้อยละ 32.23 และข้าวขาว ปริมาณ 3.64 ล้านตัน มูลค่า 76,480 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 42.42 และร้อยละ 86.51 ตามลำดับ

นางธัญธิตา กล่าวว่า ปัจจัยหนุนที่ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น มาจากความต้องการของประเทศผู้นำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนตัวจึงเป็นโอกาส ที่ทำให้ไทยสามารถส่งออกได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาครัฐยังคงมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 66/67 จำนวน 4 โครงการ ประกอบด้วย (1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 66/67 โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อชะลอข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร (2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 66/67 โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป (3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 66/67 โดย ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท และ (4) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 66/67 เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าว ในการรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร อย่างน้อย 60 – 180 วัน (2 – 6 เดือน) นับแต่วันที่รับซื้อ

นอกจากนี้ ครม.ได้มีมติเห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 67 เพื่อเพิ่มความมั่นคงให้แก่เกษตรกร โดยคุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากภัยธรรมชาติและโรคระบาด ซึ่งมีพื้นที่เป้าหมายรวมการรับประกันภัยพื้นฐาน (Tier 1) และการรับประกันภัยเพิ่มเติมโดยสมัครใจ (Tier 2) จำนวน 21 ล้านไร่ วงเงินงบประมาณโครงการฯ รวม 2,302.16 ล้านบาท ทั้งนี้ กรมธรรม์ประกันภัยจะให้ความคุ้มครองภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาดและภัยธรรมชาติ 7 ภัย ได้แก่ น้ำท่วมหรือฝนตกหนัก ภัยแล้ง ลมพายุ ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ ไฟไหม้และ ช้างป่า.

#Thaitabloid#สำนักข่าวไทยแทบลอยด์