วันที่ 21 ก.ย. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่า ตนเห็นด้วยกับมาตรฐานจริยธรรม และการตรวจสอบพฤติกรรมตลอดจนการทุจริตของนักการเมือง แต่ทุกอย่างควรวางกรอบให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการร้องเรียนในเรื่องที่ไม่เป็นสาระ หรือกลั่นแกล้งทางกฎหมายจนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่เป็นอันทำงาน
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ทวี ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ 2 ครั้ง ในห้วง 2 วันที่ผ่านมา คือ วันที่ 18 และ 19 ก.ย.2567 โดยในการสัมภาษณ์รอบแรก มีคำสำคัญที่ถูกนำไปเสนอข่าวอย่างกว้างขวาง คือ ไม่ควรให้เรื่องจริยธรรมเกิดการตีความได้อย่างไม่มีขอบเขต จนกลายเป็นสมบัติส่วนตัวของบางคนบางฝ่ายในการใช้ตีความให้เกิดผลร้ายทางการเมือง ส่วนการให้สัมภาษณ์ครั้งหลัง พ.ต.อ.ทวี ยกตัวอย่างทำนองว่า แม้แต่ผู้พิพากษาเองอาจเคยเป็นผู้กระทำความผิดตอนที่เป็นเด็กก่อนอายุ 18 ปี มีประวัติอาชญากร แต่ก็สามารถเป็นผู้พิพากษาได้ เพราะมีกฎหมายปกป้องเด็กเอาไว้ หากเด็กและเยาวชนกระทำผิดก่อนอายุ 18 ปี ไม่ให้บันทึกประวัติ จึงเหมือนเป็นการล้างโทษสามารถรับราชการเป็นตุลาการก็ยังได้ ภายหลังคำสัมภาษณ์เผยแพร่ออกไป ปรากฏว่ามีบางฝ่ายหยิบบางช่วงบางตอนไปโจมตีและทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน
พ.ต.อ.ทวี ชี้แจงย้ำว่า ตนเห็นด้วยกับการตรวจสอบจริยธรรม รวมถึงพฤติกรรมส่อทุจริตต่างๆ แต่ต้องมีนิยามที่ชัดเจน ไม่ก่อให้เกิดการตีความมากเกินไปจนไม่มีบรรทัดฐานที่แน่นอน โดยเฉพาะเรื่อง “ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” และ “มาตรฐานจริยธรรม” ซึ่งวันนี้ถูกนำมาเป็นประเด็นทำลายล้างทางการเมืองอย่างกว้างขวาง ส่วนการที่ตนยกตัวอย่างผู้พิพากษาเคยทำผิดเมื่อครั้งที่เป็นเยาวชนนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง และไม่ได้ต่อว่าใคร เพียงแต่ต้องการยกตัวอย่างให้เห็นว่า ทุกเรื่องควรมีขอบเขตที่ชัดเจน อย่างเช่น การกระทำผิดในวัยเด็ก หรือช่วงที่เป็นเยาวชน ก็ไม่ควรถูกนำไปอ้างหรือกล่าวหาให้มีการรื้อฟื้นเพื่อก่อผลร้ายทางการเมืองได้อีก เพราะถือว่าไม่มีความเป็นธรรม
เหมือนกับกฎหมายเด็กและเยาวชนที่ปกป้องเด็กที่กระทำผิด ไม่ให้ถูกบันทึกประวัติทุกกรณี ทำให้เด็กคนหนึ่งที่เคยกระทำผิด ก็ยังสามารถรับราชการ เป็นถึงผู้พิพากษา และทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมได้ ตนยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นว่าทุกเรื่องควรมีขอบเขต นิยาม และบรรทัดฐานที่ชัดเจนเท่านั้น
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า องค์กรอิสระไม่ควรมีอำนาจมากเกินไป ควรอยู่ในจุดสมดุล แม้ว่าองค์กรอิสระมีไว้เพื่อถ่วงดุล แต่ควรอยู่ในกรอบที่มีความชัดเจน จะได้ไม่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพราะสุดท้ายผลร้ายก็จะตกอยู่ที่องค์กรอิสระนั้นๆ เอง ส่วนการตรวจสอบทุจริต หรือการกระทำผิดนั้น ตนเห็นด้วยแน่นอน และไม่ได้คัดค้านแต่ประการใด