คดี รองมิสแกรนด์เชียงใหม่ ควบเก๋งชนยับ ถูกปฎิเสธจากพนักงานสอบสวน

2787

กลุ่มผู้เสียหายบุก สน.ห้วยขวาง ปฎิเสธให้ดูผลตรวจตรวจสารเสพติดและผลตรวจแอลกอฮอล์ ด้านตำรวจอ้างว่าจับเป่าเมาแล้ว แต่ไม่พบ

คดี รองมิสแกรนด์เชียงใหม่ ควบเก๋งชนยับ จยย. เสียหาย 3 คัน เจ็บ 4 ราย ถูกปฎิเสธจากพนักงานสอบสวน ทั้งผู้ก่อเหตุเงียบเมินประสานรับผิดชอบ วอนขอความเป็นธรรมจาก ระดับ ตร.เร่งตรวจสอบ

เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีเมื่อเวลา 02.30 น.ของวันที่ (15 ก.ย.) ตำรวจ สน.ห้วยขวาง รับแจ้งอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย บริเวณระหว่างซอยประชาอุทิศ 10-12 ถนนประชาอุทิศ แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อมอาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุพบ รถ จยย.ล้มระเนระนาด เสียหาย รวม 3 คัน มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย คือนายประสิทธิ์ พันวิลัย, น.ส.วิภาวรรณ มาเหม็น และนายณัทภัค ชื่นเขียว ส่วนอีกรายไม่ทราบชื่อ ซึ่งพลเมืองดีได้ช่วยกันนำส่งรักษาตัวยังโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ ใกล้กันพบรถคู่กรณี เป็นรถยนต์ ยี่ห้อ Deepal S07 สีดำ หมายเลขทะเบียน 5 ขน 7451 กรุงเทพมหานคร อยู่ในสภาพกันชนหน้าด้านซ้ายแตกยุบ จอดอยู่ มี น.ส.นภสร พันธุ์เกษม หรือ ลดา อายุ 28 ปี รองมิสแกรนด์ เชียงใหม่ ปี 2020 และรองอันดับ 2 มิสแกรนด์เชียงราย ปี 2019 เป็นคนขับ ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่

จากการสอบสวนทราบว่า ช่วงเวลาดังกล่าว น.ส.นภสร พันธุ์เกษม ได้ขับรถยนต์ ยี่ห้อ Deepal S07 สีดำ หมายเลขทะเบียน 5 ขน 7451 กรุงเทพมหานคร มาจากแยกเหม่งจ๋าย มุ่งหน้าประชาอุทิศซอย 8 อย่างรวดเร็ว กระทั่งเกิดเฉี่ยวชนรถจยย.ที่จอดอยู่ข้างทาง ทำให้ทั้งคนและรถเสียหาย และเฉี่ยวชนคนเดินเท้าได้รับบาดเจ็บอีก 3 ราย ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัว น.ส.นภสร พันธุ์เกษม มาสอบปากคำที่ สน.ห้วยขวาง ทางพนักงานสอบสวนจึงตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์เบื้องต้น แต่ผลปรากฎว่าเป็น 0 % ไม่พบแอลกอฮอล์ในร่างกายแต่อย่างใด

ต่อมาเวลา 15.00 น.ที่สน.ห้วยขวาง กลุ่มญาติของผู้บาดเจ็บทั้ง 4 ราย เดินทางเข้าให้ข้อมูล กับ พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน.ห้วยขวาง และสอบถามความคืบหน้าทางคดี

โดย พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า ผู้บาดเจ็บทั้ง 4 รายนั้น มี 3 รายเดินทางออกจาก รพ.ตั้งแต่วันแรกแล้ว และอีก 1 รายที่ยังคงอยู่สังเกตอาการ แต่หมอจะให้กลับภายในวันนี้เช่นกัน เนื่องจากรู้สึกเจ็บซี่โครง ส่วน น.ส.นภสร ผู้ก่อเหตุ ได้บอกกับเจ้าหน้าที่ ในวันเกิดเหตุ ว่า รู้สึกเจ็บหน้าอก จึงให้ไปตรวจรักษาตัวอยู่ที่ รพ. ส่วนความคืบหน้าทางคดี ขณะนี้สอบปากคำผู้เสียหายไปแล้ว 2 ปาก และมีผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย เป็นเด็กอายุ 18 ปี และต่ำกว่า 18 ปี ที่ต้องรอนัดสอบปากคำพร้อมสหวิชาชีพวันพรุ่งนี้ ส่วนน.ส.นภสร ผู้ก่อเหตุยังแอดมิดอยู่ที่ รพ. ซึ่งวันนี้ทางพนักงานสอบสวนได้เดินทางไปขอสอบปากคำที่ รพ. แต่ผู้ก่อเหตุยังไม่สะดวก โดยวันพรุ่งนี้จะเข้าไปขอสอบปากคำเพิ่มเติมต่อไปนั้น

วันนี้มีความคืบหน้าล่าสุดมีรายงาน ฝ่ายผู้บาดเจ็บและผูัเสียหายเปิดเผยว่า ได้เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน เพื่อสอบความความคืบหน้าหน้าเพราะผู้ก่อเหตุยังไม่เคยประสานมาแสดงความรับผิดชอบใดๆกับผูับาดเจ็บ และทรัพย์สินรถจักรยานยนต์ เกิดจากความเสียหาย ขณะเดียวกันผู้เสียหาย ได้สอบถามหลักฐานเอกสารที่พนักงานสอบสวนแจ้งว่าเป่าตรวจแอลกอฮอ ว่าตรวจไม่พบ พร้อมทั้งขอดูผลการตรวจเลือดว่ามีสารเสพติดหรือไม่ ในฐานะกลุ่มดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีเพราะเป็นผู้เสียหาย แต่กลับถูกปฎิเสธที่จะให้ดูหลักฐานดังกล่าว อ้างว่าเป็นหลักฐานสำคัญในสำนวนคดี จึงทำให้กลุ่มผูัเสียหายของพวกตน ไม่สบายใจกังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงวอนให้หน่วยงานตามสายบังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจตำรวจแห่งชาติ ลงมาตรวจสอบกรณีดังกล่าว และถ้าหากผลยังเงียบ กลุ่มของตนก็จะเข้าร้องทุกข์ต่อองค์กรอิสระต่างๆเพื่อเรียกร้องตามสิทธิ์ต่อไป เพราะสังคมตำรวจยังเป็นแบบนี้ ประชาชนก็จะหมดศรัทธา ต่อตำรวจมากยิ่งๆขึ้นไป “ผูัเสียหายรายหนึ่งกล่าว”

#Thaitabloid#สำนักข่าวไทยแทบลอยด์