- Advertisement -spot_img
หน้าแรกบทความฟันธงชาวบ้านระอานักร้อง หยิบสารพัดเรื่องยื่นให้สอบ ชี้ทำประเทศย่ำแย่-หยุดพัฒนา

ฟันธงชาวบ้านระอานักร้อง หยิบสารพัดเรื่องยื่นให้สอบ ชี้ทำประเทศย่ำแย่-หยุดพัฒนา


      ท่ามกลางคราบน้ำตาและความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชนภาคเหนือตอนบนที่กำลังประสบอุทกภัยอย่างแสนสาหัส แต่ในเมืองหลวงกลับเล่นเกมชิงอำนาจจากบรรดาบิ๊กการเมืองที่หรี่ตาให้ลิ่วล้อใช้ช่องว่างรัฐธรรมนูญหยิบสารพัดเรื่องยื่นร้องต่อองค์กรอิสระฟาดฟันรัฐบาลอย่างไม่ลดละ

   โดยเฉพาะนาย นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นร้องเรียนหลายเรื่อง อาทิ เมื่อวันที่ 10 กันยายน ร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ว่าน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีพฤติกรรมฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯข้อ17และข้อ 21 ประกอบข้อ 27วรรคสองหรือไม่ จะถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา 235 วรรคสี่หรือไม่  จากกรณี น.ส.แพทองธาร ใส่ชุดขาวชูนิ้วทำมินิฮาร์ททั้งสองมือ ขณะถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่ทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งชักชวนรัฐมนตรีในคณะทำตามด้วย รวมถึงยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ขอให้ตรวจสอบ น.ส.แพทองธาร กรณีเสนอชื่อนายภูมิธรรม เวชยชัย เป็นรัฐมนตรีว่ากากระทรวงกลาโหม เข้าข่ายมีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4)หรือไม่ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม โดยยกเหตุการณ์ปี 2519 สมัยนายภูมิธรรม เข้าป่าขึ้นมาอ้างและเคยมีชื่อสหายใหญ่

   จน นายภูมิธรรม ต้องออกมาอธิบายว่า”ที่กล่าวหาว่าฝักใฝ่นั้นผมไม่รู้เรื่องมาก่อน ผมเป็นนักศึกษาซึ่งเหยื่อของเหตุการณ์เมื่อปี 2519 มีเพื่อน พี่ น้อง หลายคนถูกฆ่าตาย มีการไล่ล่าทำให้นักศึกษาจำนวนมากต้องหนีเข้าป่า จากนั้นก่อให้เกิดความขัดแย้ง ดีที่ผู้บัญชาการระดับสูงไม่ว่าจะเป็นพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตรัฐบุรุษ และพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ออกคำสั่งที่66/23 เปิดทางสร้างสันติสุข ลดความขัดแย้ง ทุกคนได้ออกจากป่า

  “คิดว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมมาเป็นรัฐมนตรี เพราะเป็นมาตั้งแต่ปี 2548 การเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่น่าจะเป็นเรื่องให้นายเรืองไกรต้องร้อง ไม่ทราบว่ามีวัตถุประสงค์อะไร อย่าใช้ประเด็นทางการเมืองมารื้อฟื้นความขัดแย้งในอดีตเลยมันไม่เป็นผลดีต่อใคร”นายภูมิธรรมระบุ

  จากประเด็นดังกล่าวบรรดาคอการเมืองต่างตั้งคำถามไปที่ นายเรืองไกรว่าหวังกวนน้ำให้ขุ่นเพื่อมุ่งทำลายคู่แข่งทางการเมืองหรือไม่เพราะพรรคที่สังกัดไม่ได้ร่วมรัฐบาลหรือไม่ ?ทั้งที่เรื่องเกิดขึ้นมานานแล้ว และรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.เปรม รวมถึงผู้นำทางทหารอย่าง พล.อ.ชวลิต ยึดนโยบายให้ประเทศหลุดพ้นจากความขัดแย้งด้วยการออกคำสั่งที่66/23  ทำให้บ้านเมืองสงบมาจนถึงทุกวันนี้ 

    การร้องเรียนมุ่งทลายห้างพรรคเพื่อไทยมีอย่างต่อเนื่องทั้งยุบพรรคและหวังให้ น.ส.แพทองธารกระเด็นจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี อย่างล่าสุด นพ.วรงค์ เดชวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี บอกว่าจะร้องกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ครอบงำพรรคเพื่อไทย ต่อ กกต. รวมถึงนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน กำลังรวบรวมข้อมูลเตรียมยื่นคำร้องเอาผิด น.ส.แพทองธาร ประเด็นฝ่าฝืนจริยธรรม เช่นกัน

   นอกจากนี้ยังมี นายสนธิญา สวัสดี อดีตผู้สมัคร สว.และนักร้องเรียนชื่อดังที่คอยปกป้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุด ขอให้ตรวจสอบความซื่อสัตย์สุจริต และการฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงของน.ส.แพทองธาร กรณีแต่งตั้งนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กรณีมีเรื่องอยู่ระหว่างการตรวจสอบของ ป.ป.ช.

  จากการพฤติกรรมของบรรดานักร้องเชื่อว่าประชาชนต่างระอาเพราะหาช่องร้องได้ทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นประเภทขี้หมูราขี้หมาแห้ง หยิบขึ้นมาร้องได้ จนนายเสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการเคยร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่ม กปปส.ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กเตือนว่า”นักร้องคะ อย่าร้องทุกเรื่องจนเปรอะเลยนะคะ ร้องแต่เรื่องที่น่าจะผิด ชัดๆเข้มๆก็พอ ถ้าร้องทุกเรื่องแบบหยุมหยิมเกินไป มันจะหมดความเชื่อถือและภาพลักษณ์ของคนร้องจะเสียนะ…”

    ดังนั้นเมื่อมองจากพฤติกรรมของบรรดานักร้องทั้งหลาย พออนุมานได้ว่าต่างมีความมุ่งหวังที่แตกต่างกัน บางคนออกมาในลักษณะหิวแสง บางคนออกด้วยอาการริษยาเพราะพ่ายทุกเวทีที่ลงชิงชัยเลือกตั้ง บางคนมาในลักษณะขี้ข้าทำตามนายสั่งแลกกับผลประโยชน์ที่ได้รับ และบางคนร้องเพื่อประโยชน์ส่วนรวมแต่มีน้อยมากซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ทำให้ประเทศเสียโอกาสในการพัฒนาถึงขั้นย่ำอยู่กับที่ รัฐบาลบริหารประเทศไม่ต่อเนื่อง เพราะต้องมากังวลและมาเสียเวลาในการรวบรวมข้อมูลเพื่อแก้ต่าง ขณะที่องค์กรอิสระบางองค์กรกลับรอรับเรื่องที่จะฟาดฟันผู้ถูกร้องที่ไม่ใช่พวก

     ดังนั้นเพื่อไม่ให้การบริหารประเทศสะดุดองค์กรอิสระทั้งหลายช่วยหาช่องว่างทางกฎหมายประวิงเวลาเรื่องร้องเรียนแบบหยุมหยิมออกไปให้นานที่สุดหรือจะตัดปัญหาใช้วิธีรวมเรื่องหยุมหยิมแล้วมาพิจารณาในคราวเดียวกันแบบม้วนเดียวจบ แล้วหาช่องของกฎหมายเพื่อลงโทษนักร้องจอมเปรอะทั้งหลายไปด้วย  หากทำได้จริงนอกจากจะช่วยกู้ภาพลักษณ์ขององค์กรอิสระที่ถูกมองว่าเลือกปฏิบัติ แบบพวกกูผ่านฉลุยแต่พวกมึงตายสถานเดียว ได้ในพริบตา แล้วผลดีจะตกกับประเทศชาติและประชาชน !!!



RELATED ARTICLES

Most Popular

Recent Comments