นับแต่วันที่ 2 ตุลาคมเป็นต้นไปกระบวนการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)ยันชั้นประทวนต้องขยับแต่งตั้งเหตุที่ล่าช้ากว่าทุกปีเนื่องจากต้องเป็นไปตามกฎหมายตำรวจ 2565 และต้องเป็นไปตามกฎคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)มีรายละเอียดละเอียดเรื่องวันเวลา กำหนดความอาวุโสที่นายกรัฐมนตรีลงนามไปเมื่อวันที่ 5 เมษายน มีผลบังคับใช้เมื่อพ้น 180 วันตั้งแต่วันลงนาม
ซึ่งวันที่ 2 ตุลาคมนี้จะใช้กฎ ก.ตร.ฉบับนี้ได้ ถ้าไม่มีปรากฏการณ์อะไรที่พิสดารพันลึก ตำแหน่งผบ.ตร.จะเป็นตำแหน่งแรกที่จะต้องดำเนินการ จากนั้นจะแต่งตั้งรองผบ.ตร.ถึงชั้นประทวน แต่ในวันที่ 1 ตุลาคม จะต้องมี รองผบ.ตร.นั่งรักษาการไปก่อน เนื่องจากพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.เกษียณอายุวันที่ 30 กันยายน คาดว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ช อาวุโสอันดับ 1 จะนั่งรักษาการฯ จังหวะนี้คงต้องจับตาเป็นพิเศษว่าจะมีการพลิกเกมแต่งตั้งผู้ช่วย ผบ.ตร.ขยับขึ้นนั่ง รองผบ.ตร.หรือไม่ ?
สำหรับ รอง ผบ.ตร.คนไหนจะนั่งตำแหน่งเจ้าสำนักปทุมวัน “ประดู่แดง”ยังไม่กล้าวิเคราะห์เพราะข้อมูลที่แหล่งข่าววิเคราะห์ให้ฟังยังไม่ตกผลึกพอ เพราะยังมีมุมมองที่หลากหลาย แม้กฎหมายตำรวจจะกำหนดไว้ชัดเจนให้ยึดหลักอาวุโส แต่แวดวงสีกากีมักมีอะไรที่พลิกล็อคเกิดให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง
แต่ที่ไม่เคยพลิกล็อคเลยและถือเป็นทำเนียมปฏิบัติที่ชาวสีกากียึดถือกันมาโดยตลอดนั่นคือการวิ่งเต้นโยกย้ายมีทั้งขยับขึ้นตำแหน่งที่สูงขึ้น วิ่งเต้นเพื่อนั่งตำแหน่งที่มากด้วยผลประโยชน์ และวิ่งเต้นเพื่อรักษาตำแหน่งเดิมเพราะนั่งแล้วสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ ซึ่งบรรดานักวิ่งเต้นจะทราบกันดีว่าในแต่ละยุคแต่ละสมัยจะต้องวิ่งเต้นไปหาผู้มีอำนาจกลุ่มไหนถึงจะบรรลุเป้า รวมถึงต้องศึกษาบุคคลแวดล้อมว่ามีใครที่มีสัมพันธ์อันดีกับผู้มีอำนาจบ้างถ้ามีจะวิ่งเข้าหาทันทีตำรวจบางนายไปหาเกือบทุกวัน บางคนรับใช้ทั้งเช้าและเย็นหวังจะได้ตั๋วหรือเชื่อมถึงผู้มีอำนาจได้
ในยุคนี้เป้าหมายที่ตำรวจอยากวิ่งเข้าหามากที่สุดคงหนีไม่พ้น เจ้าสำนักบ้านจันทร์ส่องหล้า เพราะมีอำนาจล้นเหลือ แถมหากใครที่รับใช้แบบถวายชีวิตยอมแม้กระทั่งต้องติดคุก เจ้าสำนักฯจะตอบแทนบุญคุณแบบไม่ลังเล นอกจากนี้ มีบรรดาลูกๆรวมถึงภรรยาเจ้าสำนักฯ สามารถพึ่งพาได้เช่นกันเพราะในช่วงที่เรืองอำนาจ บรรดาตำรวจที่คอยรับใช้ต่างได้รับการปูนบำเหน็จกันทั่วหน้า
ขณะที่เส้นทางการเมืองบรรดานักวิ่งเต้นคงเล็งเป้าไว้แล้วว่าไม่น่าจะพลาดหากต่อสายเข้าพบหรือต่อสายไปยังคนใกล้ชิดได้ อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมาดไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ผู้มากบารมีที่บรรดารัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต่างเคารพนอบน้อม และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นต้น
ครั้นมาส่องในแวดวงสีกากีเชื่อว่านักวิ่งเต้นคงมีข้อมูลและเล็งไว้แล้วเช่นกัน อาทิ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ หรือ บิ๊กอ๊อฟ อดีต ผบ.ตร. พี่ชายคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยานายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งตำรวจต่างทราบกันดีว่าในช่วงนั่งในตำแหน่ง
ผบ.ตร. ตำรวจในสังกัดต่างขยับสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น ทำให้เชื่อว่าการแต่งตั้งตำรวจฤดูกาลนี้ ชื่อ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ อยู่ในลิสต์ที่ตำรวจวิ่งเข้าหาแน่นอน
ตามด้วยนักเรียนนายร้อยตำรวจ(นรต.)รุ่นที่ 26 รุ่นเดียวกับนายทักษิณ ในช่วงที่นายทักษิณ นั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นรต.26 หลายคนนายทักษิณ ไว้วางใจ อาทิ พล.ต.อ.ชลอ ชูวงศ์ พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ พล.ต.ท.สุวัฒน์ ธำรงศรีสกุล และพล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ อดีต ผบก.ป.และอดีตผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นต้น
นรต.อีกรุ่นที่ไม่ควรมองข้ามนั่นคือ นรต.32 มี
พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร. เครือญาตินายทักษิณ และ พล.ต.อ.ปัญญา มาแม่น อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ ทั้งสองเป็นกำลังของรุ่นและยังมีบทบาทอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และที่ไม่ควรมองข้ามอีกคนคือ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีต ผบ.ตร. นายทักษิณ ให้ความไว้วางใจให้นั่งตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่เจ้า พล.ต.อ.โกวิท จะช่วยผลักดันหรือไม่เพราะต่างทราบกันดีว่าหลังพ้นตำแหน่ง ผบ.ตร. แทบจะไม่ข้องแวะกับสำนักสีกากีเลย พร้อมทั้งเป็นสไตล์ตำรวจป่าที่จะไม่กระทำอะไรที่ไร้ระบบคุณธรรม
ซึ่งยังมีนักวิ่งหลายๆนายอาจคิดว่าจะเป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่น่าจะช่วยสนับสนุนตำรวจนักวิ่งเต้นได้นั่นคือพวกบ้านใหญ่ในพื้นที่ เพราะถ้ามองแนวทางการเมืองของนายทักษิณ จะยึดบ้านใหญ่วางฐานคะแนนเสียง เมื่อพึ่งพาบ้านใหญ่ ตำรวจในพื้นที่จะเป็นไม้เป็นมือได้เป็นอย่างดี หากมีการร้องขอย่อมได้รับการตอบสนองแน่นอน ที่ยกมาเชื่อว่านักวิ่งเต้นสีกากีคงมีข้อมูลเพื่อเตรียมวิ่งเต้นไว้ระดับหนึ่งแล้ว และเมื่อได้ ผบ.ตร.คนใหม่คงจะหาลู่วิ่งได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
จากข้อเขียนที่นำเสนอบรรดามือกฎหมายของตำรวจ อาจจะมองว่าทำได้ยากเพราะกฎหมาย 2565 ค่อนข้างรัดกุม แต่”ประดู่แดง”เชื่อว่าทำได้เพราะแวดวงสีกากีแม้กฎหมายจะรัดกุมแค่ไหนถ้าผู้มีอำนาจต้องการย่อมทำได้เสมอ ซึ่งการแต่งตั้งโยกย้าย ผกก.และสว.นอกฤดูกาลล่าสุด ยังผ่านฉลุย มี ก.ตร.เป็นตรายางประทับความถูกต้องให้อีกต่างหาก !!!
