ที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ สาขาคลองศาลา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดอาคารศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง เทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ และเยี่ยมชมการดำเนินงานของคลินิกหมอครอบครัว โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ สาขาคลองศาลา ต.สะเดียง อ.เมืองเพชรบูรณ์ จ.เพชรบูรณ์ โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในตอนหนึ่งกับประชาชนที่มาต้อนรับ ว่า รัฐบาลนี้อยากจะทำทุกอย่างให้ดีขึ้น ประเทศเรามีปัญหา 2 อย่าง คือการศึกษาและสาธารณสุข ที่ต้องทำให้ดีขึ้นโดยเร็ว วันนี้เห็นความก้าวหน้าเรื่องความร่วมมือของหมอครอบครัว ซึ่งเป็นนโยบายรัฐบาลนี้ ที่ทำให้เกิดระบบไพรมารีแคร์ ระยะแรกวันนี้เราทำได้จำนวนหนึ่ง ไม่กี่ปีข้างหน้าก็จะทำให้ครบทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยอนาคตของเราต้องแข็งแรง เพราะฉะนั้น ระบบไพรมารีแคร์นั่นสำคัญที่สุด และขอให้ทุกคนดูแลสุขภาพออกกำลัง

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวถามกับประชาชนว่ารักหมอหรือไม่และกล่าวตอบคำถามตัวเองว่า ถ้ารักหมอทุกก็คงไม่เกลียดนายกฯ เพราะนายกฯ ที่ทำก็ทำเพื่ออนาคต คนที่มาบอกว่าจะทำโน้นทำนี่ให้ ถามเขากลับด้วยว่าเอางบประมาณมาจากไหนใครจะพูดอะไรก็พูดได้หมด อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเอาทุกปัญหามาคิดมาทำ ซึ่งสิ่งที่ทำให้เกิดความเท่าเทียมกันได้ในประเทศนี้คือกฎหมาย ทั้งนี้ นี่คือประเทศไทยอย่าให้ใครมาแบ่งแยก สิ่งที่รัฐบาลทำวันนี้ดีที่สุดแล้ว เพราะไม่สร้างภาระต่อในอนาคต

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวถามประชาชนอีกว่า ดีหรือไม่ที่บ้านเมืองสงบเช่นนี้ เพราะวันนี้บ้านเมืองไม่มีทะเลาะเบาะแว้งคนไทยคนไทยมักทะเลาะเบาะแว้ง มีความคิดเห็นที่หลากหลายเราไม่สามารถบังคับใครได้ แต่จะต้องหาจุดกึ่งกลางให้ได้ เพราะแม้กระทั่งวันนี้เรื่องละครคนก็ยังทะเลาะกัน โดยเถียงกันว่าจะชอบใครดีระหว่างตัวพระเอก นางเอก ตัวร้าย ต่างจากละครของต่างประเทศที่มีการสอดแทรกเรื่องของประเทศ ตนไม่อยากให้พวกเราทะเลาะกันเอง ตนในฐานะนายกรัฐมนตรีทำทุกอย่าง และพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด โดยไม่นึกถึงตัวเอง เพราะถ้าไม่จำเป็นคงมายืนอยู่ตรงนี้ไม่ได้

“การเข้ามาทำให้ทุกอย่างดีขึ้นหรือไม่ ใครไม่รักผมไม่เป็นไร แต่ผมรักพวกคุณก็แล้วกัน ประเทศนี้ถ้าไม่มีพลเรือน ตำรวจ ทหารก็อยู่ไม่ได้ ไหนใครบอกว่าไม่ต้องมีทหาร แล้วถ้ามีอะไรขึ้นมาแล้วใครจะมาช่วยพวกท่าน เพราะทหารอยู่ในกรม กอง ในกองร้อยเรียกได้ตลอด 24 ชั่วโมง เบี้ยเลี้ยงก็จ่ายเพียงครั้งเดียว ทหารส่วนใหญ่ก็เป็นลูกหลานของพวกท่านทั้งนั้น เป็นกำลังที่มีความพร้อม 24 ชั่วโมงจึงต้องมีรถ ลาม้าช้างอยู่ในกรมกอง เพราะหน่วยงานอื่นไม่มีคนขนาดนี้ เราไม่ได้มีทหารไว้ให้ผมปฏิวัติ ผมเข้ามาเพราะเหตุผลความจำเป็น เป็นสถานการณ์ที่ต้องเข้ามา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ถามว่าถ้าไม่มีทหาร และตำรวจใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะเป็นอย่างไร ฉนั้นอย่าไปฟังเวลาที่เขาพูดพวกนั้นต้องการที่จะแบ่งแยกหรือเปล่าที่บอกว่าให้เอาทหารออกไปจากพื้นที่ถ้าออกไปเมื่อไหร่ก็เสร็จเมื่อนั้น อย่าไปเชื่อพวกเขา ที่เขาบอกว่าจะทำนี่ทำนั่นให้ ไปถามเขาหน่อยว่าจะเอาเงินมาจากไหน รู้เรื่องกฎหมายการเงินการคลังหรือไม่และจะเอางบประมาณมาจากที่ใด เพราะถ้าไม่รู้เรื่องจะพูดอย่างไรก็ได้ แล้วท่านก็รักเขา

“สำหรับผมพูดด้วยเหตุและผลด้วยกฏหมาย ซึ่งท่านก็ไม่รัก แต่ถ้าผมไม่ทำด้วยกฏหมายตายผมก็ตาย ติดคุก ไอ้พวกนั้นพูดไปแต่ไม่ได้ทำในวันข้างหน้าหรือเปล่า” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพิ่มว่า ช่วงนี้เป็นช่วงการเดินหน้าเข้าสู่การเป็นประชาธิปไตยจึงขอให้มีหลักการและหลักคิดที่ถูกต้อง ว่าประเทศของเราควรเดินหน้าไปอย่างไรประเทศไทยมีโอกาสมากมาย ขอให้ทุกคนยึดมั่นในหลักของประเทศไทยที่มี 3 สถาบันหลักคือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ถ้าไม่มี 3 สถาบันนี้ประเทศไทยอยู่ไม่ได้ เราต้องการรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล ทั้งนี้ประชาชนจึงต้องเตรียมการให้ดีว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเลือกตั้ง ไม่ใช่นอนอยู่บ้านไม่ไปกาบัตรใช้สิทธิ์ หรือทำลายบัตรเลือกตั้ง วันนี้เรามี พ.ร.ป.การเลือกตั้งใหม่ ที่พรรคการเมืองจะต้องเสนอชื่อคนเป็นนายกรัฐมนตรี และนโยบายพรรค ถ้าเรายังไม่รู้ว่าจะเลือกเบอร์ไหนแต่กลับไปถามบ้านข้างๆ  แล้วเลือกตามตรงนี้ถือว่าจบ

“รัฐบาลส่วนใหญ่จะไม่แก้ปัญหาที่แก้ยาก และมีผลกระทบตามมา จะแก้ปัญหาที่ง่าย ๆและได้คะแนนเสียง ทำให้คนรัก แต่รัฐบาลนี้แก้ทุกเรื่องจึงต้องมีทั้งคนที่ได้และคนที่เสีย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว