ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความชังผสมกับความริษยา นายทักษิณ ชินวัตร ของบรรดาฝ่ายตรงข้าม กลุ่มอกหักทางเมืองและอดีตสมาชิกวุฒิสภา(สว.)ร่างทรงเผด็จการบางกลุ่มหรือเปล่าที่ออกมาเคลื่อนไหวผ่านสื่อกระแสหลักและสื่อโซเชียล ทำนายทายทักว่าอายุรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อยู่ได้ไม่นาน ตั้งแต่ยังไม่ฟอร์มคณะรัฐมนตรี(ครม.)และเข้าบริหารประเทศอย่างเป็นทางการ เพราะจะติดกับดักที่กลุ่มดังกล่าวร้องเรียนไว้ในองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งกลุ่มเหล่านี้เคลื่อนไหวในลักษณะหยิบประเด็นความเป็นผิดพลาดในอดีตของ น.ส.แพทองธารและนายทักษิณ ออกมาเขย่าผ่านสื่อโซเซียลเป็นระยะๆหวังสร้างกระแสให้สังคมเกิดความคลางแคลงใจ
พวกที่เคลื่อนไหวบางคนใช้ความอคติส่วนตัวล้วนๆ บางคนหมดบทบาทในฐานะ สว.แต่พยายามหาประเด็นโพสต์ในสื่อโซเชียลในลักษณะหิวแสงและหวังให้ชื่อติดอยู่ในกระแสเผื่อจะมีชื่อติดเข้ามาในวังวนอำนาจอีกครั้งหากเกิดรัฐประหาร
โดยเนื้อหาที่นำเสนอล้วนเป็นเรื่องเดิมๆที่ฉุดรั้งให้บ้านเมืองย่ำอยู่กับที่แบบไร้ทางออก ทั้งที่ในความเป็นจริงเมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯนายกรัฐมนตรีแล้วน่าจะช่วยกันนำเสนอชี้แนวทางในการบริหารประเทศน่าจะเกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนมากกว่า
แต่เมื่อจับท่าทีของนายกรัฐมนตรีและแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลแล้วแทบจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวดังกล่าวเท่าที่ควรเพราะไม่มีการตอบโต้ใดๆ นอกจากเดินหน้าฟอร์มทีมครม.เพื่อจะได้เข้าบริหารประเทศโดยเร็ว ถ้าประเมินสถานการณ์อายุรัฐบาล น.ส.แพทองธาร แบบรอบด้านตามโครงสร้างอำนาจการปกครองของไทย พออนุมานได้ว่ารัฐบาลจะอยู่แบบครบเทอม เพราะต่างกันทราบดีในแวดวงการเมืองว่าการกลับมาของนายทักษิณคราวนี้กลุ่มผู้กุมอำนาจและกลุ่มทุนใหญ่ต่างให้ความวางใจและเชื่อมั่นในฝีมือของนายทักษิณและพรรคเพื่อไทยว่าจะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศที่หยุดนิ่งถึงขั้นถอยหลังมากว่า 10 ปีให้กลับฟื้นขึ้นมาได้
ครั้นหันมามองโครงสร้างการเมืองในปัจจุบัน พบว่ามีการแบ่งขั้วอำนาจกันอย่างชัดเจนระหว่างกลุ่มอนุรักษ์นิยมที่มีพรรคร่วมรัฐบาลเป็นกำลังหลักกับกลุ่มเสรีนิยมที่มีพรรคก้าวไกลหรือพรรคประชาชนเป็นแกนนำสำคัญและเติบโตจนทำให้กลุ่มอำนาจเก่าและกลุ่มทุนเก่าหวาดผวาพอสมควร
ดังนั้นเพื่อคุมกำเนิดพรรคประชาชนไม่ให้เติบโต สิ่งเดียวที่ทำได้ดีที่สุดนั่นคือการบริหารประเทศของรัฐบาลทำให้ประชาชนส่วนใหญ่สัมผัสได้ว่ามีความเป็นอยู่ดีขึ้น ปัญหาสังคมด้านต่างๆถูกจัดการอย่างเด็ดขาด นายทักษิณและพรรคเพื่อไทยจึงเป็นตัวขุนที่ถูกเลือกให้เข้ามาดำเนินการ เพราะทั้งกลุ่มผู้กุมอำนาจและกลุ่มทุนใหญ่ต่างเชื่อมั่นว่านายทักษิณและพรรคเพื่อไทยทำได้โดยใช้ผลงานในอดีตมาเป็นดัชนีวัดจากปัจจัยดังกล่าวทำให้เชื่อได้ว่ารัฐบาล น.ส.แพทองธาร จะอยู่บริหารประเทศได้แบบครบเทอม โดยใช้ผลงานการบริหารประเทศการันตี
แต่ยังมีหลายฝ่ายหวั่นเกรงว่าองค์กรอิสระต่างๆจะหยิบคำร้องของบรรดากองแช่งหรือพวกอกหักทางการเมืองที่ยื่นให้ตรวจสอบ น.ส.แพทองธารและพรรคเพื่อไทยขึ้นพิจารณาแล้วจัดการแบบนายเศรษฐา ทวีสิน ก็เป็นได้ แต่ถ้าประเมินสถานการณ์แล้วเชื่อว่าไม่น่าห่วง เพราะโอกาสที่องค์กรอิสระจะหยิบคำร้องขึ้นมาพิจารณาคงต้องใช้เวลาที่ยาวนานเพราะจากพฤติกรรมที่ผ่านมากว่าองค์กรอิสระต่างๆจะหยิบแต่ละคำร้องขึ้นมาพิจารณาล้วนแต่ต้องใช้เวลาค่อนข้างยาวนานหรือใช้ช่องว่างกฎหมายประวิงเวลาได้อีกต่างหาก เว้นแต่คำร้องนั่นมีเป้าหมายเพื่อพิฆาตคู่แข่งทางการเมือง จะนำขึ้นมาพิจารณาแบบฉับไว
“จอมมารน้อย”จึงขอทำนายได้เลยว่ารัฐบาล น.ส.แพทองธาร อยู่แบบครบเทอม เว้นเงาที่ทาบทับ น.ส.แพทองธารจะเกิดอาการล้ำเส้น หูอื้อไม่ได้ยินเสียงติติงเหมือนอดีตที่ผ่านมาจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อายุรัฐบาลสั้นได้ !!!
