แฉบัญชีส่วยธุรกิจสีเทา แจกจ่ายเจ้าหน้าที่รัฐเกือบทุกหน่วย แต่ตำรวจ คือ”กระโทนท้องพระโรง”ของแทร่ !!

6333

สัปดาห์ที่ผ่านมาสื่อบางสำนักนำเสนอบัญชีส่วยของเว็บพนันออนไลน์ในพื้นที่ภาคใต้  บัญชีนี้มีการแชร์อยู่ในกลุ่มไลน์ของตำรวจเกือบทุกกลุ่มที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสื่อสารกัน

      บัญชีส่วยชุดนี้ระบุถึงการโอนเงินจากผู้ต้องหาเว็บพนันออนไลน์ในภาคใต้โอนให้เจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยงานรวมถึงนักการเมืองทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น มีทั้งหมด 32 รายการ อาทิ โอนให้ ผกก.สส.3 บก.สส. จำนวน 130 ครั้ง เป็นเงินกว่า 14 ล้านบาท ร.ต.ต.สังกัดสภ.หาดใหญ่ จำนวน 6 ครั้ง เป็นเงิน 40,000 บาท ผกก.สภ.แห่งในของสงขลา จำนวน 21 ครั้ง เป็นเงินกว่า 4 ล้านบาท รอง ผบก.สส.ภ.9 จำนวน 3 ครั้ง เป็นเงิน 100,000 บาท รอง ผกก.สภ.ใน อ.สะเดา สงขลา 6 ครั้ง เป็นเงิน 105,000 บาท รอง ผบก.ภ.จว.ตรัง 29 ครั้ง เป็นเงิน 6 ล้านบาท ผกก.สภ.แห่งหนึ่งใน หาดใหญ่ จำนวน 8 ครั้ง เป็นเงิน 290,000 บาท รอง ผบช.ภ.9 จำนวน 4 ครั้งเป็นเงิน 120,000 บาท


            โอนให้ รอง ผบก.ภ.จว.ระยอง จำนวน 52 ครั้ง เป็นเงิน 1,740,000 บาท  รองผบก.ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ จำนวน 38 ครั้ง เป็นเงินกว่า 5 ล้านบาท รอง ผกก.สส.สภ.แห่งหนึ่งในจ.สงขลา จำนวน 27 ครั้งเป็นเงิน 2,165,000 บาท โอนให้ รอง ผกก. 12 ครั้ง เป็นเงิน 7,720,000 บาท โอนให้นายตำรวจติดตามบิ๊กตำรวจคนหนึ่ง 28 ครั้ง เป็นเงิน 540,000 บาท โอนให้ภรรยาบิ๊กตำรวจ 38 ครั้งเป็นเงิน กว่า 3 ล้านบาท รวมถึงโอนให้พี่ชายและพี่สาวบิ๊กตำรวจ จำนวน 74 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 8 แสนบาท และโอนให้ชันประทวนสังกัด บก.อปท. จำนวน 50 ครั้ง เป็นเงินกว่า  3 ล้านบาท

     ขณะเดียวกันมีการโอนให้เจ้าหน้าที่รัฐหน่วยอื่นรวมถึงนักการเมืองทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ อาทิ โอนให้เลขานุการนายกเทศมนตรี แห่งหนี่งใน อ.หาดใหญ่ จำนวน 74 ครั้ง เป็นเงินกว่า 8 ล้านบาท โอนให้ ส.ส. 2 ครั้งเป็นงิน 400,000 บาท โอนให้รองนายกเทศมนตรี 1 ครั้ง เป็นเงิน 100,000 บาท โอนให้นายส.ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำฯ 4 ครั้ง เป็นเงิน 1,191,000 บาท และโอนให้สมาชิกสภาเทศบาลในพื้นที่อ.หาดใหญ่ เป็นเงิน 100,000 บาท

       บัญชีส่วยที่ถูกปล่อยออกมาน่าจะเป็นบางส่วนเท่านั้น เชื่อว่าน่าจะมีผู้เกี่ยวข้องที่เป็นเจ้าหน้าที่ที่บังคับใช้กฎหมายหน่วยอื่นๆรวมอยู่ด้วยแน่นอน การปล่อยออกมาครั้งนี้จะเป็นฝีมือของใคร หวังจะดิสเครดิตใคร ในแวดวงสีกากีต่างทราบกันดี เพราะมีการตั้งข้อสังเกตว่าว่ามึงว่ากูชั่วมึงก็ชั่วเช่นกัน จะมีข้อเท็จจริงมากน้อยแค่ไหนต้องพินิจพิเคราะห์กันเอง

    แต่ที่”ประดู่แดง”หยิบมานำเสนอ เพียงเพื่อจะสื่อสารให้เห็นว่าในบรรดาธุรกิจสีเทาที่มีอยู่เกือบทุกหย่อมหญ้าของประเทศ ล้วนแต่มีเจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมืองทุกระดับ รวมถึงผู้มีอิทธิพล มีส่วนเกี่ยวข้องกับรับผลระโยชน์แทบทั้งสิ้น เหมือนกรณีเคยนำเสนอเกี่ยวกับขบวนการค้าน้ำเถื่อน มีเจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมืองและผู้อิทธิพล มีเอี่ยวแทบทั้งสิ้น

      แต่เมื่อมีการจับกุมอาจจะด้วยสาเหตุหักหลังกันเองหรือจับกุมด้วยความบริสุทธิ์ใจในการทำหน้าที่ องค์กรตำรวจจะเป็นหน่วยงานแรกที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์แบบสาดเสียเทเสีย ทั้งที่องค์ประกอบของธุรกิจสีเทาต่างมีเจ้าหน้ารัฐหน่วยงานอื่นเข้าเกี่ยวข้องแทบทั้งสิ้น

      อย่างกรณีธุรกิจพนันออนไลน์ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์  ผู้ที่ต้องนำป้องกันและปราบปรามอย่างจริงจังต้องเป็นหน้าที่ของ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพราะเกี่ยวข้องโดยตรงแถมมีงบประมาณจำนวนมากคอยสนับสนุน แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆบทหนักกลับตกอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

      ยิ่งถ้ามีประชาชนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง ต้มตุ๋น เสียเงินจำนวนมาก ตำรวจจะเป็นด่านแรกที่จะถูกตำหนิทั้งจากรัฐบาลและประชาชน โดยที่หน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรง อยู่แบบลอยตัวแถบแอบรับผลประโยชน์และขายข้อมูลให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์อีกต่างหาก ถ้ารัฐบาลมีนโยบายปราบปรามธุรกิจสีเทา แก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงองค์กรอาชญากรรมต่างๆแบบจริงจัง ต้องดำเนินการแบบบูรณาการดึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาลุยงานด้วยกันถึงจะบรรลุเป้าหมาย

แต่ถ้าจะทำแค่สร้างภาพหวังผลงานแบบฉาบฉวยตำรวจจะกลายเป็นหนังหน้าไฟให้สังคมก่นด่าอยู่ร่ำไป และองค์กรตำรวจคงหนีไปพ้นคำพังเพยที่ว่า”กระโถนท้องพระโรง”ของแทร่ !!!