“รองฯเม่น”สั่งรวบ อาชญากรต่างชาติ แฝงอาศัยในไทยเหิม ก่อคดี 3 เคส

0
3393

“รองฯเม่น”สั่งรวบ อาชญากรต่างชาติ แฝงอาศัยในไทยเหิม ก่อคดี 3 เคส

เมื่อวันที่ 27 ส.ค.2567 พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. ได้แถลงว่า ตามนโยบายของ สานักงานตารวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สานักงานตารวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. ไดส้ ั่งการให้ สตม. สกัดก้ัน ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบ ธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดาเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในขณะที่พานักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ทาให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติท่ีเข้ามา แฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทาความผิดภายใต้การอานวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตมได้สั่งการให้.ตน, พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3 ฯร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสาคัญ ดังนี้

  1. ตม.จว.สมุทรปราการ บูรณาการร่วมฯ จับกุมหนุ่มเมียนมาฆ่าคู่อริเพ่ือนร่วมชาติ รวบตัวได้ทันก่อน หลบหนีออกนอกประเทศตม.จว.สมุทรปราการ ร่วมกับ ตม.จว.ฉะเชิงเทรา, กก.1 บก.สส.สตม. และ สภ.บางปะกง จับกุมนายอ่อง ลี (นามสมมติ) อายุ 26 ปี สัญชาติเมียนมา โดยกล่าวหาว่า ฆ่าผู้อ่ืนโดยเจตนา นาตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางปะกง จว.ฉะเชิงเทรา ดาเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ริมถนนสาธารณะ ซอยสุทธิภิรมย์ ต.ปากน้า อ.เมืองสมุทรปราการ จว.สมุทรปราการ
    จากกรณีแรงงานสัญชาติเมียนมา ได้ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันท่ีบริเวณหน้าที่พักคนงานก่อสร้าง อ.บางปะกง จว.ฉะเชิงเทรา โดยนายมิน ทู ถูกอาวุธมีดแทงได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากการสืบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือนายอ่อง ลี หลังจากก่อเหตุได้หลบหนีไป ตม.จว.ฉะเชิงเทรา จึงได้แจ้งข้อมูลให้กับ ตม.จว. ต่างๆ ให้ช่วยสืบสวนติดตาม ตัวมาดาเนินคดีและเฝ้าระวังการหลบหนีออกจากประเทศไทย ต่อมาจากการสืบสวนของ ตม.จว.สมุทรปราการ ทราบว่า นายอ่อง ลี ได้หลบหนีคดีมาหลบซ่อนตัวอยู่ในพ้ืนที่ ต.ปากน้า อ.เมืองสมุทรปราการ จว.สมุทรปราการ จึงได้ร่วมกับ ตม.จว.ฉะเชิงเทรา, กก.1 บก.สส.สตม. และ สภ.บางปะกง ออกสืบสวนหาตัวนายอ่อง ลี จนกระท่ังพบนายอ่องลี ท่ีริมถนน สาธารณะ ซอยสุทธิภิรมย์ ต.ปากน้า อ.เมืองสมุทรปราการ จว.สมุทรปราการ จึงได้จับกุมนาตัวส่ง พงส.สภ.บางปะกง ดาเนินคดตีามกฎหมาย
  2. ตม.จว.ชลบุรี จับหนุ่มแดนกิมจิ รองหัวหน้าแก๊งยาเสพติด หลบหนีหมายจับจากเกาหลี มากบดาน พัทยา OVER STAY เกือบปี ตม.จว.ชลบุรี ได้รับการประสานข้อมูลจาก ป.ป.ส. ว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติเกาหลีใต้มีพฤติการณ์เก่ียวข้องกับ ยาเสพติดเข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา จึงได้ทาการสืบสวนจนทราบว่าคนต่างด้าวดังกล่าวคือนายจิน (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ ซ่ึงการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ส้ินสุดแล้ว (OVERSTAY) ต่อมาได้รับ แจ้งจากสายลับว่านายจินจะเดินทางมายังร้านอาหารเกาหลีในพื้นท่ี หมู่ 6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงได้สะกดรอยติดตามจนนายจินปรากฎตัว จึงได้แสดงตัวจับกุมในข้อหา OVERSTAY จากการสอบถามนายจินเกี่ยวกับพฤติการณ์ ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด นายจินให้การยอมรับว่าตนเป็นรองหัวหน้าแก๊งยาเสพติด ทาหน้าที่จัดหายาเสพติดในประเทศ ไทยเพื่อส่งไปยังประเทศเกาหลีใต้ โดยใช้วิธีการให้ผู้หญิงซุกซ่อนยาเสพติดไว้ตามร่างกาย ซึ่งทามาแล้วประมาณ 4 ครั้ง ดังนี้

ครั้งที่1 วันที่31พ.ค.67 ศุลกากรเกาหลีใต้จบัผู้ต้องหา1คนพร้อมยาคีตามีน500กรัมผู้ต้องหาใหก้ารว่ารบั ยาเสพติดทโี่รงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่พัทยา
ครั้งที่2วันที่10มิ.ย.67ศุลกากรเกาหลีใตจ้ับผู้ต้องหา2คนพร้อมยาคีตามีน500กรัมผู้ต้องหาใหก้ารว่ารบั ยาเสพติดทโี่รงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่พัทยา
ครั้งที่ 3 วันที่ 17 ก.ค.67 ศุลกากรเกาหลีใต้จบั ผู้ต้องหา 1 คน พร้อมยาไอซ์ 1.1 กิโลกรัม ผู้ต้องหาให้การว่ารับ ยาเสพติดทโี่รงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่พัทยา
ครั้งที่4วันที่19ก.ค.67ศุลกากรเกาหลีใต้จบัผู้ต้องหา1คนพร้อมยาไอซ์1.25กิโลกรัมโดยใหก้ารว่ารบั ยาเสพติดทพี่ื้นที่พัทยาและสมุทรปราการ

ซึ่งผู้ตอ้งหาที่ถูกจบักุมไดใ้ห้การซัดทอดว่านายจินเป็นผู้บงการในการลักลอบขนยาเสพติดซึ่งตม.จว.ชลบุรีจะ ได้ร่วมกับ ป.ป.ส. ในการสืบสวนขยายผลหาผู้ร่วมม
กระทำผิดต่อไป สำหรับมลูค่าของยาเสพติดหากนาเข้าไปจาหน่ายใน ประเทศเกาหลีใต้ได้จะมมีูลค่าสงูขึ้นมากโดยยาไอซจ์ะมรีาคาจาหน่ายกิโลกรัมละประมาณ13ล้านบาทส่วนคีตามีน กิโลกรัมละ 5,200,000 บาท

3.คดี ตม.จว.ชลบุรี รวบแก๊งรัสเซีย นาเงินยูโรปลอมแลกตามบูธ ความเสียหายกว่าล้านบาท และ OVER STAY ตม.จว.ชลบุรี จับกุมนาย A (นามสมมติ) อายุ 29 ปี สัญชาติรัสเซีย พร้อมเงินสกุลยูโรปลอม ฉบับ 500 ยูโร จานวน 6 ฉบับ ฉบับละ 50 ยูโร จานวน 80 ฉบับ โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุด และทาปลอมขึ้นซึ่งเงินตราไม่ว่าจะปลอมขึ้นเพื่อให้เป็นเหรียญกษาปณ์ ธนบัตรหรือสิ่งอื่นใด ซึ่งรัฐบาลออกให้ หรือให้อานาจให้ออกใช้ หรือทาปลอมขึ้นซึ่งพันธบัตรรัฐบาลหรือใบสาคัญสาหรับรับดอกเบี้ยพันธบัตรนั้นผู้นั้นกระทาผดิ ฐานปลอมเงินตรา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240 และ มีไว้เพื่อนาออกใช้ซึ่งเงินตราต่างประเทศสกุล (ยูโร) อันตน ได้มาโดยรู้ว่าเป็นเงินตราเป็นของปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 244 ประกอบกับกฎหมายอาญามาตรา 247 นาตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดาเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุมโรงแรมในย่านพระตาหนักซอย 6 หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี ตม.จว.ชลบุรี ได้รับแจ้งจากพนักงานตู้รับแลกเงินว่า มีคนนาธนบัตรยูโรปลอมฉบับละ 500 ยูโร จานวน 1 ฉบับ มาแลกเปลี่ยนที่ร้านรับแลกเงินของตน

จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าได้มีชายไทยนาเงินสกุลยูโร ฉบับละ 500 ยูโร จานวน 1 ฉบับ มาทาการแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินบาท เมื่อพนักงานผู้รับแลกเงินได้ตรวจสอบธนบัตร โดยใช้ ปากกาเคมีสาหรับตรวจสอบธนบัตร พบว่าเป็นธนบัตรสกุลยูโรปลอม ตม.จว.ชลบุรี จึงสืบสวนติดตามตัวจนพบชายไทย ที่นาธนบัตรยูโรปลอมมาแลกจากการสอบถามได้ให้การว่าเป็นพนักงานต้อนรับโรงแรมแห่งหนึ่ง ได้มีนาย A (นามสมมุติ) สัญชาติรัสเซีย ซึ่งได้เข้าพักที่โรงแรมมาเป็นเวลาประมาณ 3 อาทิตย์โดยยังไม่ได้ชาระเงินค่าที่พัก ได้นาธนบัตรยูโรฉบับ ละ 500 ยูโรฉบับดังกล่าว มาจ่ายค่าที่พักตนจึงได้นาไปแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินบาทกับทางตู้แลกเงินดังกล่าว โดยไม่ ทราบว่าเงินสกุลยูโรดังกล่าวเป็นธนบัตรปลอม พร้อมทั้งยังได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยได้นากาลังเจ้าหน้าที่ตารวจชุด ตรวจสอบ ไปยังห้องพักที่นาย A พักอาศัยอยู่ที่ชั้นบนของโรงแรม จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางนาย A ปรากฏว่าการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) เจ้าหน้าที่ตารวจจึงขอตรวจสอบกระเป๋าสีดาที่อยู่ในห้องพักของนาย A พบว่ามีเงินสกุล ยูโรฉบับละ 500 ยูโร 5 ฉบับ และธนบัตรฉบับละ 50 ยูโร จานวน 80 ซึ่งนาย A ให้การยอมรับว่าเงินสกุลยูโรจานวน ดังกล่าวทั้งหมดเป็นของตนและเป็นธนบัตรยูโรปลอม โดยตนได้นาติดตัวมาจากเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยมีเพื่อน ที่ตุรกีให้นาติดตัวมาใช้จ่ายที่ประเทศไทย และตนเองได้นาเงินสกุลดังกล่าวมาจ่ายชาระค่าที่พักกับทางโรงแรมดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมตัวนาย A ดาเนินคดีในข้อหาดังกล่าว

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทาความผดิ ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทาความผิด กรุณาแจ้งมายัง สานักงานตรวจคนเข้ าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่

จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง “รอง ผบช.สตม.”กล่าว

#Thaitabloid#สำนักข่าวไทยแทบลอยด์#รองฯเม่น#ข่าวอาชญากรรมวันนี้