นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย ได้เตรียมการที่จะจัดให้มีการประชุมใหญ่เพื่อรับรองข้อบังคับพรรคใหม่ เลือกกรรมการบริหารชุดใหม่ และเลือกกรรมการสรรหาผู้สมัครฯตามที่กำหนดในคำสั่งคสช.ที่13/2561 ทั้งนี้เบื้องต้นจะได้หารือกรรมการบริหารพรรคเพื่อพิจารณา คำสั่งคลายล็อคให้พรรคการเมืองสามารถดำเนินการประชุมและเตรียมการในการจัดการประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทยตามเงื่อนไขที่กำหนดในคำสั่งโดยคำสั่งคสช.ที่13/2561ระบุให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน90วัน สิ่งที่ต้องหารือเป็นเรื่องสำคัญคือจะกำหนดองค์ประกอบขององค์ประชุมใหญ่อย่างไร เนื่องจากคำสั่งที่13/2561กำหนดให้มีองค์ประชุมไม่น้อยกว่า250คน มีกรรมการบริหารและสมาชิก โดยไม่ต้องมีสาขาเนื่องจากสาขาถูกยุบไปแล้ว คงต้องมากำหนดว่าจะมีตัวแทนสมาชิกเข้าร่วมประชุมอย่างไร จำนวนเท่าใด นอกจากนั้นคงต้องหารือว่าจะกำหนดวันประชุมใหญ่เมื่อใด เนื่องจากจะต้องแจ้งกกต.ก่อนการประชุมใหญ่ไม่น้อยกว่า 5 วัน
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ขณะนี้พรรคได้มอบหมายให้ฝ่ายก.ม.ของพรรคศึกษารายละเอียดของคำสั่ง ยังมีความสับสนในการตีความเนื่องจากมีการซ้อนทับกันถึงสามกฎหมายคือพรป.พรรคการเมือง2560 คำสั่งคสช.ที่53/2560 และคำสั่งฉบับนี้ ซึ่งมีความสับสนอยู่เช่นสามารถจัดตั้งสาขาได้ภายใน 1 ปี แปลว่าหากตั้งสาขาไม่ครบ เลยเวลาการเลือกตั้งที่กำหนดไว้24ก.พ.62 ก็สามารถส่งผู้สมัครได้ใช่หรือไม่ คงต้องสอบถามความชัดเจนกันต่อไป
“สำหรับการคลายล็อคครั้งนี้ ผมมีความเห็นว่า รัฐบาลไม่ได้ตั้งใจจะเปิดเงื่อนไขกติกาอย่างเต็มที่ให้แก่พรรคการเมือง การจะอ้างว่าเพื่อความสงบเรียบร้อยก็เป็นการกล่าวอ้างซ้ำซากมานานมากแล้ว ไม่มีเหตุผลใดในทางการเมืองที่จะคลายล็อคแบบปล่อยทีละส่วน เพื่อหวังจะทำหน้าที่คุมเกมทั้งหมดเช่นนี้ นอกจากยังคงมีความกลัวอยู่” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวด้วยว่า ตนไม่ทราบรัฐบาลกลัวอะไร ทำไมไม่ปลดล็อคไปเสียเลย เพราะควรถึงเวลาแล้วที่จะเปิดช่องทางทั้งหมดให้พรรคการเมือง ได้สามารถติดต่อ สื่อสารทำความเข้าใจร่วมกัน โดยเฉพาะการสื่อสารกับประชาชนที่จะได้ทราบข้อมูลทั้งหมดของพรรคการเมืองแต่ละพรรค เพื่อทำความเข้าใจและใช้สิทธิตัดสินใจให้ดีที่สุดในการเลือกพรรคการเมืองที่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจสังคมที่เขาเผชิญอยู่ เพื่อสร้างโอกาสของชีวิตให้พวกเขา ทั้งนี้ ตนไม่เข้าใจว่าคสช.และรัฐบาลยังกลัวว่าจะสูญเสียอะไร จึงยังไม่ยอมปลดล็อคให้พรรคการเมืองตามวิถีทางที่ควรจะเป็น หรือกลัวว่าหากประชาชนได้รับรู้ข้อมูลอย่างเปิดกว้างและรอบด้าน และตัดสินใจอย่างชอบธรรม จะทำให้หนทางกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีหรือกลับมาเป็นรัฐบาลครั้งใหม่ของพรรคพวกของตนไม่ประสบความสำเร็จ
“ถ้าคิดเช่นนี้ถือว่าคับแคบและเห็นแก่ตัวเกินไป เพราะท่านได้เวลาที่จะพิสูจน์ตนเองมานานมากแล้ว จนทำให้ประเทศอยู่ในสถานะที่ ค่อนข้างวิกฤติ เช่นทุกวันนี้ หากจะเปิดทางของถนนประชาธิปไตยให้กว้างขวางและบริสุทธิ์ยุติธรรม ก็มีแต่จะเป็นผลดีต่อท่านในฐานะเป็นความทรงจำดีๆที่เหลืออยู่ อนึ่งที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคจะได้กำหนดจัดวันประชุมใหญ่และจะแจ้งให้ทราบต่อไป” นายภูมิธรรม นาย