วันที่ 9 สิงหาคม 2567 นายถาวร เสนเนียม หัวหน้าสถานียุติธรรม พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายสถาพร โคตบุตร นายชัยฤทธิ์ เขาวงทอง และนายศราวุธ พงศ์พิชญาภา คณะทำงานภาคประชาชนและภาคเอกชนจังหวัดอุดรธานี ในกรณีการจัดทำร่างผังเมืองรวมจังหวัดอุดรธานี โดยมีนายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค นายเจือ ราชสีห์ ที่ปรึกษาสถานียุติธรรมฯ ร.ต.อ.หญิงอัยรดา บำรุงรักษ์ รองโฆษกพรรค รทสช.นายสฤษฏิ์เดช ธนาวุฒิ ผู้ช่วยผู้อำนวยการพรรค นายสุขสันต์ แสงศรี โฆษกสถานียุติธรรม นายสมเกียรติ ขุนบุญจันทร์ เลขานุการคณะทำงานสถานียุติธรรม ร่วมรับเรื่องร้องเรียน
นายสถาพร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมามีการเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเรื่องการจัดทำร่างผังเมืองรวม ซึ่งผู้ที่ได้เข้าร่วมส่วนมากไม่เห็นด้วยกับร่างฉบับดังกล่าว โดยเฉพาะใน 2 ประเด็น คือ 1 ร่างผังเมืองที่ถูกนำเสนอนั้นมีพื้นที่สีเขียวมากกว่า90% ของพื้นที่ทั้งหมด หากมีการประกาศใช้ นักลงทุนที่สนใจมีโอกาสที่จะยกเลิกการลงทุน การขยายตัวทางธุรกิจ ทางเศรษฐกิจในเทศบาลเมืองอุดรธานีจะได้รับผลกระทบ ซึ่งขัดแย้งกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งหมายให้จังหวัดอุดรธานีเป็นประตูสู่อินโดจีนอย่างเต็มศักยภาพ
ซึ่งคณะทำงานภาคประชาชนและภาคเอกชนจังหวัดอุดรธานี ไม่ได้เอาแต่คัดค้าน แต่ได้มีข้อเสนอแนะแก่ทางกรมโยธาธิการและผังเมืองด้วย โดยทางคณะทำงานได้จัดทำผังเมืองคู่ขนานหรือผังเมืองฉบับประชาชนโดยอิงจากศักยภาพการพัฒนาพื้นที่ของจังหวัดอุดรธานี และหากมีการปรับใช้ตามผังเมืองคู่ขนานแล้วจะมีพื้นที่ให้พัฒนาเพิ่มเติมไม่น้อยกว่า 200,000 ไร่เป็นอย่างน้อย อีกประเด็น คือ การที่ประชาชนในพื้นที่เทศบาลนครอุดรธานีถูกรอนสิทธิในการพัฒนาที่ดินจากผังคมนาคมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผังเมืองรวม โดยผังคมนาคมมีการวางแผนถนนดังกล่าวมาไม่น้อยกว่า 30 ปีแต่ยังไม่มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม
นายถาวร เกล่าวว่า การจัดทำผังเมืองซึ่งส่งผลกระทบกับสิทธิของพี่น้องประชาชน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนให้รอบคอบและรอบด้าน จากการรับฟังข้อเท็จจริงเบื้องต้นจากผู้ร้องเรียนเห็นว่าร่างผังเมืองฉบับนี้จะล็อกศักยภาพในการพัฒนาของอุดรธานีโดยไม่สอดคล้องกับระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานของจังหวัดการที่ประชาชนในพื้นที่เทศบาลนครอุดรธานีถูกรอนสิทธิในการพัฒนาที่ดินมาไม่น้อยกว่า 30 ปี
จากนั้นนายถาวร นำคณะ คณะผู้ร้องเรียน และคณะทำงานสถานียุติธรรม เดินทางไปหารือกับทางอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองทันที
โดยนายวิทยา กล่าวในที่ประชุมว่า วันนี้เป็นการนำข้อเสนอแนะข้อหารือจากภาคประชาชนมาหารือกับทางกรมโยธาธิการและผังเมือง เพื่อไม่ให้ผังเมืองล็อกศักยภาพในการพัฒนาพื้นที่ของจังหวัดอุดรธานี และกระทบกับสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในพื้นที่ ขณะที่นายนายเจือ กล่าวเสริมว่า เราต้องปลดล็อกศักยภาพในพื้นที่ปัจจุบันดูไม่สอดคล้องกับสาธารณูปโภค สาธารณูปการในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นสนามบิน สถานีรถไฟ เราต้องปลดล๊อกบางจุดเนื่องจากมีกฎหมายอื่นบังคับอยู่แล้ว ด้านนายสถาพร ได้นำเสนอผังเมืองฉบับประชาชนต่อนายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง และเล่าถึงปัญหาของผังเมืองโดยเฉพาะการถูกรอนสิทธิจากผังคมนาคมทำให้ประชาชนเดือดร้อน
นายพงศ์รัตน์ กล่าวว่า กรมโยธาธิฯ รับทราบ และหาแนวทางแก้ไขเพื่อลดการรอนสิทธิของประชาชนอยู่แล้ว ซึ่งจะมีการพิจารณาทบทวนผังถนนต่าง ๆ หากมีเส้นทางใดที่หมดความจำเป็นในการจัดทำจะได้ดำเนินการถอดออกจากผังเมืองทันที สำหรับข้อเสนอแนะอื่น ๆ ในการปรับปรุงแก้ไขผังเมืองรวม ทางกรมโยธาฯ จะรับข้อเสนอแนะทั้งหมด รวมทั้งผังเมืองภาคประชาชนที่ได้จัดทำขึ้น และจะแจ้งให้ทั้งประชาชนชาวจังหวัดอุดรธานีและสถานียุติธรรม พรรครวมไทยสร้างชาติทราบต่อไป
นายถาวร กล่าวทิ้งท้ายว่า “การจัดทำผังเมืองนั้นไม่ใช่เพียงการขีดเส้นถนน เติมสีลงไปในพื้นที่เท่านั้น แต่คือการชี้นำการพัฒนาพื้นที่และวิถีชีวิตของประชาชน ดังนั้นประชาชนจะต้องมีส่วนร่วมในการจัดทำผังเมือง”