“หนุ่มญี่ปุ่น”หายตัวพบป่วยตายที่เชียงใหม่-ล่าไอ้โม่งสวมรอยลวงขอเงินแม่-แอบใช้บัตรเครดิต

210

ตำรวจนครบาลพบเเล้ว หนุ่มญี่ปุ่น วัย 39 หนีประกันตัวคดียักยอกทรัพย์ ป่วยเสียชีวิตที่เชียงใหม่ หลังเเม่ร้องตำรวจลูกชายหายตัวลึกลับ4 ปี เเต่ยังส่งเมล์มาขอเงินหลายครั้ง ตำรวจเร่งล่าไอ้โม่งสวมรอยลวงขอเงิน ด้านเเม่ติดใจ ขอพิสูจน์DNA ยืนยันอัตลักษณ์เป็นลูกชาย คุมตัวเพื่อนสนิทเค้นสอบ อ้างไม่รู้เรื่องอะไร

ความคืบหน้ากรณีการหายตัวไป นาย ทากาชีโร่ นิชิ (MR.TAKAHIRO NISHI ) อายุ 39 ปี ชาวญี่ปุ่น ซึ่งเดินทางเข้ามาทำงานในไทย เเต่ได้หายตัวไป นานเกือบ4ปี ซึ่งวานนี้ (5ก.ค.)เเม่เดินทางมาจากญี่ปุ่น เพื่อเเจ้งความ ที่สน .คลองตัน เพื่อให้ช่วยตามหาลูกชาย หลังขาดการติดต่อกัน 4 ปี โดยติดต่อกับลูกชายครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.63 ผ่านทางแอปไลน์ เเละยังมีอีเมล์อ้างว่าป่วยหนัก มาขอเงิน 1 ล้านเยน จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีก ตรวจสอบประวัติพบหนีประกันชั้นศาลข้อหา “ยักยอกทรัพย์” ก่อนหายตัวอย่างปริศนา

ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ พ.ต.อ.วชิรากรณ์ วงศ์บุญ ผกก.สน.คลองตัน เข้าร่วมหารือกับทีมชุดสืบสวน ที่ห้องปฏิบัติการสืบสวนเพื่อเร่งติดตามเบาะเเส การหายตัวไปของ นายทากาชีโร่ นิชิ โดยมีชุดสืบสวน นำข้อมูลต่างๆที่ได้มา รายงานต่อผู้กำกับสน.คลองตัน ใช้เวลานานกว่า 5 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังเรียกพยานบุคคล เป็นผู้หญิง ซึ่งพยานปากเอก ที่เป็นคนประกันตัว ทากาชีโร่ นิชิ เเละ เพื่อน ในคดียักยอกทรัพย์ในชั้นศาล ด้วยหลักทรัพย์คนละ 1 เเสนบาท มาให้ข้อมูลกับชุดคลี่คลายคดีนี้ โดยมีผู้กำกับ ร่วมสอบปากคำด้วย จากนั้น พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. มาร่วมสอบปากคำด้วยตนเอง ก่อนจะชี้เเจงรายละเอียดกับสื่อมวลชน

ต่อเวลา 14.30 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.เดินทางมาที่ สน.คลองตัน พร้อมกับเจ้าหน้าที่สถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เเละ ครอบครัวของนายทากาชีโร่ ฯ มารับฟังผลการสืบสวน หลังได้พยานปากเอก ซึ่งเป็นนายประกัน 2 ราย มาสอบปากคำ จนได้หลักฐานสำคัญ เเละพบว่าในเบื้องต้น นายทากาชิโร่ เสียชีวิตเเล้วที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2566 เวลา 22.00 น. โดยเเพทย์ลงความเห็นว่า มีอาการป่วยตาย ซึ่งจากการสืบสวนของตำรวจพบว่า ศพยังเก็บรักษาอยู่โรงพยาบาลมหาราช จ.เชียงใหม่

ล่าไอ้โม่งสวมรอย”หนุ่มญี่ปุ่น”ลวงขอเงินจากแม่ทั้งที่ตายไปแล้ว

ตำรวจเร่ง ล่าไอ้โม่ง อีเมลสวมรอย เป็นหนุ่มญี่ปุ่น ลวงขอเงินจากเเม่ ทั้งที่ตายไปเเล้ว พบยังเเอบใช้บัตรเครดิตถึงปี 67 – ด้านเเม่ติดใจ ขอพิสูจน์DNA ยืนยันอัตลักษณ์เป็นลูกชาย คุมตัวเพื่อนสนิทเค้นสอบ อ้างไม่รู้เรื่องอะไร

ต่อมาเวลา 16.00 น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ “ ผบก.สส.บช.น. ร่วมกันเเถลงผลการสืบสวน ติดตามการหายตัวไปของ นายเอ หนุ่มชาวญี่ปุ่น วัย 39 ปี ที่ขาดการติดต่อกับเเม่มานาน4 ปี โดยไล่เรียงไทม์ไลน์ เริ่มตั้งเเต่ วันที่ 5 มี.ค. 63 ที่นาย เอ เดินทางเข้าในไทย ผ่านด่าน ตม.หนองคาย มาทำงานในกรุงเทพมหานคร ต่อมาวันที่ 8 ก.ย.63 นายเอ เเละเพื่อนคือ นายบี ถูกเเจ้งความดำเนินคดีอาญา ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ วันที่ 8 พ.ย.63 ศาลเเขวพระนครใต้ออกหมายจับทั้งคู่ วันที่ 10 พ.ย.63 ถูกจับกุททั้งคู่ ต่อมา 12 พ.ย. 63 ฝากขัง นายเอ เเละ นายบี เเต่นายบี ได้รับการประกันตัวคนเดียว จากนั้นวันที่ 18 พ.ย. นายเอ ถึงได้รับการประกันตัว โดยมีภรรยานายบี เป็นนายประกันให้

ต่อมาวันที่ 5 มี.ค.64 ถึง 5 มี.ค.65 พบความเคลื่อนไหวที่ จว.นครสวรรค์ ไปเช่าบ้านหลังหนึ่ง จากการตรวจสอบพบมีการเปลี่ยนมือคนเช่า เเละพบว่า ต่อวีซ่าครั้งสุดท้าย 6 มี.ค.65 ต่อมาวันที่ 8 ก.ย.65 ทั้ง 2 คน หนีประกันในชั้นชั้นศาล มีหมายจับของศาลแขวงพระนครใต้ ออกหมายจับอีกครั้ง

กระทั่งสืบสวนทราบว่า วันที่ 8 มิ.ย.66 พบป่วยตายที่ โรงพยาบาลสันทราย จว.เชียงใหม่ จากการตรวจสอบไม่พบการทำร้ายร่างกาย เเพทย์สรุปความเห็นเสียชีวิตจากปอดติดเชื้อ ขณะนี้ศพยังถูกเก็บรักษาที่รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ซึ่งวันนี้ได้มีการควบคุม ตัวนายบี ได้ที่บ้านพักย่านรามอินทรา พบวีซ่าหมดอายุ ขณะนี้เเจ้งข้อมูล นายเอ ให้สถานทูตญี่ปุ่นให้ทราบเเล้ว ทางสถานทูตฯเชื่อว่า ศพนิรามกับชายญี่ปุ่น เป็นเป็นคนเดียวกันกับนายเอ ส่วนครอบครัวไม่ติดใจการเสียชีวิต เเต่ติดใจเรื่องการพิสูจน์อัตลักษณ์ ว่าใช่ลูกชายหรือไม่ โดยตำรวจจะส่งตรวจดีเอ็นเอเพื่อยืนยันยัน ให้ความกระจ่างกับครอบครัว หากยังสงสัย

ส่วนทางคดีนั้น สืบเนื่องจากวันที่ 9 มิ.ย.66 เเม่ได้รับข้อความทางอีเมลต้องสงสัยแจ้งว่า นายเอ ป่วยหนักต้องใช้เงิน เเม้จึงโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารญี่ปุ่น 1 ล้านเยน โอนไปยังบัญชีชื่อชาวญี่ปุ่น ซึ่งขณะนี้ส่งให้สถานทูตตรวจสอบชื่อผู้รับโอนเงิน

วันที่ 21 มิ.ย.66 มีอีเมลมาหาเเม่อีกครั้ง ต้องใช้เงินอีก 300,000 เยน เเต่เเม่ไม่ได้โอนเงินให้ไป

วันที่ 28 มิ.ย.66 มีความพยายามอีเมลมาหาเเม่อีกครั้ง พร้อมกับส่งรูปลูกชายในสภาพผอมเเห้ง เเม่ก็เเปลกใจเเต่เเม่ก็ยังไม่โอนเงินให้อีก

วันที่ 29 มิ.ย.63 เเม่ติดต่อกับลูกชายได้ ครั้งสุดท้ายผ่านไลน์ จากนั้นไม่สามารถติดต่อได้อีก

วันที่ 4-6 ก.ค. 2567 มีความเคลื่อนการใช้บัตรเครดิต เเม้ว่า นายทากาชีโร่จะเสียชีวิตไปนานเเล้ว

จนกระทั่งล่าสุดวันที่ 5 ส.ค.67 ครอบครัวได้มาเเจ้งความที่ สน.คลองตัน เวลานี้ เเม่โอนเงินไปให้เเค่1 ครั้ง คือ 1 ล้านเย็น หลังจากนี้ ตำรวจจะเร่งตรวจสอบที่อีเมล์สวมรอยไปหลอกเเม่ให้โอนเงิน รวมทั้งบุคคลที่นำบัตรเครดิตผู้ตายไปใช้

ภายหลังตำรวจชุดสืบสวนสอบปากคำนายบี ในเบื้องต้น เเละได้คุมตัวนายบีออกมาจากห้องสืบสวน ไปยังห้องสอบสวน ระหว่างนั้น บรรดาสื่อมวลชนได้พยายามสอบถาม นายบี ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ โดยนายบี ตอบเป็นภาษาญี่ปุ่น เเปลเป็นไทยว่า ตัวเขาไม่รู้เรื่องอะไร ไม่ได้มีสีหน้าเคร่งเครียด เเละหันมายิ้ม

สำหรับศพของ นายทากาชีโร่ ตอนนี้ยังอยู่ที่เชียงใหม่ การผ่าพิสูจน์เสร็จเเล้ว

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #อาชญากรรมไทยแทย