“รองฯโจ๊ก”แจงหมดเปลือกพร้อมรับคำวินิจฉัย ก.พ.ค.ตร.ชี้ขาดกลับตร.ปัดคุย’รองฯต่าย’

7710

“รองฯโจ๊ก” เผย ชี้แจง ก.พ.ค.ตร.ครบถ้วนสมบูรณ์พร้อมรับคำวินิจฉัยชี้ชะตากลับ ตร. ไม่ว่าบวกหรือลบ รับเจอหน้า รองฯต่าย“ แต่ไม่ได้สบตาหรือพูดคุยกัน ส่วนเปลี่ยนชื่อก็เพื่อเสริมดวง

เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวภายหลังที่ได้นำเอกสารและเข้าชี้แจงด้วยวาจาต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร) กรณีอุทธรณ์คำร้องคำสั่งให้ออกจากราชการโดยมิชอบ โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ว่า ในวันนี้ได้ชี้แจงรายละเอียดต่างๆต่อคณะกรรมการเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดครบถ้วนทุกประเด็น ถือว่าเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย และพระราชบัญญัติตำรวจฉบับใหม่ พ.ศ.2565 ที่กำหนดหลังจากนี้รอทางคณะกรรมการได้มีคำวินิจฉัย และจะไม่ติดใจหากผลออกมาเป็นทิศทางใด


พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากนี้หากผลการวินิจฉัยของคณะกรรมการฯ เป็นไปในทิศทางลบหรือบวกก็พร้อมน้อมรับ แต่หากผลเป็นลบหลังจากนี้ก็จะใช้สิทธิ์ยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองสถานะการเป็นตำรวจ และพิจารณาเพิกถอนคำสั่งให้ออกจากข้าราชการไว้ก่อน โดยจะฟ้องร้องในทุกประเด็นตามที่กฎหมายให้สิทธิ์ แต่ยังไม่สามารถยื่นต่อศาลปกครองได้จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยออกมา ย้ำว่าหากผลออกมาในทิศทางบวกตนเองก็จะสามารถกลับไปรับราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ และจะไม่ฟ้องร้องดำเนินคดีกับใครทั้งสิ้นตามที่ได้เคยกล่าววาจาไว้ก่อนหน้านี้


“ยังไม่ทราบกรอบระยะเวลาการวินิจฉัยของคณะกรรมการฯ แต่ทางคณะกรรมการจะส่งผลการวินิจฉัยไปยังภูมิลำเนา และจะเป็นผู้รับด้วยตนเอง ส่วนผลการพิจารณาจะแล้วเสร็จก่อนการพิจารณาเสนอชื่อเพื่อคัดเลือกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ในเดือนกันยายนนี้หรือไม่นั้น ไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับ ก.พ.ค.ตร.” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ กล่าว


สำหรับบรรยากาศในการชี้แจงด้วยวาจากับคณะกรรมการตลอด 2 ชั่วโมงในวันนี้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ กล่าวว่า ได้พบกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) คู่กรณี แต่ไม่ได้มีการไหว้ทักทาย พูดคุยหรือสบตากัน เนื่องจากต่างคนต่างชี้แจง ส่วนทางคณะกรรมการไม่มีข้อซักถามเพิ่มเติม เนื่องจากมีหน้าที่รับฟังเพียงอย่างเดียว


พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ กล่าวยอมรับว่า ตลอด 4-5 เดือนที่ผ่านมารู้สึกคิดถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ส่วนตัวยังไม่มั่นใจว่าจะได้กลับหรือไม่ ตอนนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องจะได้กลับหรือไม่เท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นยังไม่คิดถึง โดยเฉพาะเรื่องที่มีโหรทำนายว่าในช่วงเดือนสิงหาคมจะมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำ และมีกระแสข่าวว่าตนเองจะได้เป็นรัฐมนตรีคุมสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น ก็ยังไม่ทราบข่าว เช่นเดียวกับกรณีการเปลี่ยนชื่อ โดยการเพิ่ม ช.ช้างเข้าไปอีกตัว ก็เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องจากอาจารย์ท่านนี้เคยทักตนเองไว้นานแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี เพียงแต่ตอนนั้นตนเองไม่มีโอกาส ส่วนชื่อและความหมายยังคงเหมือนเดิม

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #ข่าวอาชญากรรมวันนี้