วันที่ 29 กรกฎาคม 2567 พรรคก้าวไกล จัดแถลงข่าวกรณีการทุจริตจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายของ กทม. โดยศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กรุงเทพฯ เขต 9 กล่าวว่า ตนเปิดเผยข้อมูลตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน ต่อมากรุงเทพฯ เริ่มกระบวนการสอบภายใน จนกระทั่ง 4 ก.ค. ทาง ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่ากทม. แถลงว่าเครื่องออกกำลังกายเหมือนจะมีราคาสูงกว่าท้องตลาด และตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ให้สรุปผลการสอบสวนภายใน 30 วัน ครบกำหนดไปแล้วเมื่อ 19 ก.ค. แต่กลับไม่มีการแถลง กระทั่ง 24 ก.ค. ผู้ว่า กทม. ให้สัมภาษณ์ว่าเอกสารมีความหนาเยอะมาก ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ มีการสอบถามราคาไปยัง 10 บริษัทแต่ไม่ได้รับคำตอบ ที่สำคัญคือผู้ว่าชัชชาติ ยังไม่ระบุว่ามีการทุจริตหรือไม่

ศุภณัฐกล่าวว่า เรื่องนี้มีทฤษฎีที่ตนตั้งชื่อว่า “สามล็อก” เพื่อกำหนดว่าเครื่องออกกำลังกายยี่ห้อไหนจะชนะ โดยข้อมูลทั้งหมดนี้ได้มาจาก กทม. เอง โดยสามล็อก คือ (1) ล็อกสเปค ให้คุณสมบัติตรงกับสินค้าบริษัทเดียว (2) ล็อกสืบราคา โดยทำให้ราคากลางสูง แล้วเจาะจงบริษัทให้ไปสืบราคา (3) ล็อกผลงาน ในกรณีล็อกทั้ง 2 ข้อแรกแล้ว แต่บังเอิญมีคนหลุดมาได้ ก็จำเป็นต้องใช้ล็อกผลงานเพื่อสกัดอีกชั้น โดย กทม. มีการปรับเรื่องผลงานอยู่ทุกครั้งเพื่อสกัดบางเจ้าออกไปและให้บางเจ้าเท่านั้นเข้ามาได้ เมื่อย้อนไปยุคอดีตผู้ว่า อัศวิน ขวัญเมือง ก็มีการล็อกสเปคหลายโครงการ ซึ่งไม่ได้หมายถึงอดีตผู้ว่าเกี่ยวข้อง ส่วนยุคผู้ว่าชัชชาติ จากที่มีข้อมูล มีการล็อกสเปคอย่างต่ำ 12-13 จากทั้งหมด 14 โครงการ

ทั้งนี้ คณะกรรมการของ กทม.รับทราบว่าเครื่องออกกำลังกายมีราคาแพง แต่กลับตอบว่าราคา 759,000 บาทที่มีการอ้างนั้น เป็นราคาของเครื่องออกกำลังกายภายในบ้าน ส่วนราคาที่คณะกรรมการฯ กำหนดเป็นสำหรับผลิตภัณฑ์ในเชิงพาณิชย์ซึ่งมีโครงสร้างและวัสดุที่แข็งแรงทนทาน เท่ากับ กทม. ยอมรับใช่หรือไม่ว่าราคา 759,000 บาท เป็นราคาที่เหมาะสม สส.กทม.เขต 9 ตั้งคำถาม
อย่างไรก็ตามการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายแพงเกิดขึ้นทั่วประเทศเพราะกรมบัญชีกลางไม่มีการกำหนดมาตรฐานราคากลางของเครื่องออกกำลังกาย ทำให้ทุกองค์กรชอบซื้อเครื่องออกกำลังกายเหล่านี้ และเกิดกระบวนการสามล็อกที่กล่าวไป จึงขอเรียกร้องให้ทางกรุงเทพฯ ตอบได้แล้วว่ากระบวนการเหล่านี้ถือเป็นการทุจริตหรือไม่

ด้าน ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย ส.ก.เขตบางซื่อ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา ตนได้ตั้งญัตติด่วนด้วยวาจาต่อสภา กทม. เรื่องขอให้กรุงเทพฯ เร่งตรวจสอบความผิดปกติของการจัดซื้อจัดจ้างโครงการเครื่องออกกำลังกายในสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ซึ่งทางประธานสภาฯ ก็บรรจุวาระแล้ว แต่พอใกล้เวลา สภา กทม. กลับล่มอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ขอให้ประชาชนร่วมกันตั้งคำถามว่าเป็นเพราะอะไร
โดยในครั้งก่อน ตนได้ทวงถามเอกสารรายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้าง TOR ทั้งหมด 24 โครงการ ได้รับเอกสารเกือบครบทุกโครงการ ก็ยืนยันว่ากระบวนการส่วนใหญ่เป็นไปตามระเบียบจริง แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีความผิดปกติ เพราะที่ผ่านมาบริษัทที่ชนะการประมูลตั้งแต่ปี 2564 จะมีแค่ 2-3 เจ้าเท่านั้น เช่น “บริษัท V” จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท 4 ต.ค. 2564 ตั้งมาแค่ 10 วันก็ได้ยื่นประมูลเครื่องออกกำลังกายครั้งแรกในวันที่ 14 ต.ค. แม้ว่าบริษัทจะได้รับอนุมัติเข้าระบบที่ใช้ในการประมูลในวันที่ 18 ต.ค. ก็ตาม พอยื่นครั้งแรกก็ชนะประมูลเลยในโครงการมูลค่าประมาณ 3,495,000 บาท และเมื่อไปดู TOR จะพบว่าเรื่องคุณสมบัติของผู้เสนอราคาไม่ได้ล็อกไว้ แต่ล็อกที่ด่านสองคือสเปคของครุภัณฑ์

ส.ก.เขตบางซื่อ กล่าวว่า ต่อมาประมูลครั้งที่สอง 23 พ.ค. 2565 ก็ชนะอีก ถ้าดู TOR ก็จะพบว่าเริ่มมีด่านแรกตั้งมาแล้ว โดยกำหนดว่าคุณสมบัติผู้เสนอราคาต้องเคยเป็นคู่ค้ากับท้องถิ่นในวงเงินไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท และไม่น้อยกว่าหนึ่งสัญญา และต้องย้อนหลังไม่เกินหนึ่งปีเท่านั้น ทั้งที่ปกติกำหนดไว้ 2 ปี ซึ่งบังเอิญเกินไป จากนั้น 28 ก.ย. 2565 ชนะการประมูลครั้งที่ 3 ใช้มุกเดิมเรื่องการกำหนดสเปค เมื่อดูเอกสารจะเห็นว่าแทบจะเป็นการเอาสเปคเครื่องออกกำลังกายของตัวเองให้กรุงเทพฯ เขียน TOR ประมูลครั้งที่ 4 ก็เหมือนเดิม เน้นล็อกสเปคที่ตัวเครื่องออกกำลังกาย มาถึงครั้งที่ห้า ชนะอีกเช่นกัน และประมูลครั้งที่ 6 กำหนดคุณสมบัติ ตัวมูลค่าวงเงินก็เพิ่มขึ้น จำนวนสัญญาก็เพิ่มขึ้น เป็นความบังเอิญที่ TOR เติบโตไปพร้อมกับบริษัทนี้
ต่อมามีบริษัทเอกชนเจ้าอื่นส่งหนังสือข้อวิจารณ์ถึงความผิดปกติของทั้งสองล็อกดังกล่าว โดยได้ยื่นวิจารณ์ทั้งหมด 3 โครงการ ในที่สุดคณะกรรมการต้องกลับไปแก้ไข และเลิกล็อกสเปคบางส่วน บริษัท V จึงแพ้ประมูลทั้งสามโครงการรวด

ภัทราภรณ์กล่าว นี่คือสภาพของการจัดซื้อจัดจ้างที่บิดเบี้ยวแม้เป็นการทำตามระเบียบตามที่ฝ่ายบริหารของ กทม. แจ้งจริง ซึ่งเรื่องนี้บริษัทที่เข้าประมูลไม่สามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียว เข้าใจว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กำลังตรวจสอบอยู่ ส่วนฝ่ายบริหารก็ตั้งคณะกรรมการสอบสวน แต่การที่ผู้ว่า กทม. แถลงเมื่อ 4 ก.ค. ว่าไม่มีข้อมูลใหม่ ไม่สามารถเปิดเผยอะไรได้เลย ให้ข้าราชการตรวจสอบกันเอง ก็เป็นที่น่าสงสัยว่าการตรวจสอบนี้มีประสิทธิภาพหรือไม่ คณะกรรมการของผู้ว่า กทม. จงใจดึงเรื่องหรือไม่ จึงหวังว่าในวันพรุ่งนี้ (30 ก.ค.) ที่จะมีการแถลงข่าวเรื่องนี้ จะมีข้อมูลมากกว่านี้

“เชื่อว่าประชาชนยังติดตามเรื่องนี้อยู่และต้องการคำตอบที่หนักแน่นชัดเจน ว่าท่านมีเจตจำนงในการต่อต้านการทุจริตอย่างแท้จริง ในฐานะ ส.ก. ที่มีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร หวังว่าความผิดปกติในการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องออกกำลังกายที่เกิดขึ้น จะไม่ซ้ำรอยอีกในร่างข้อบัญญัติงบประมาณปี 2568 ที่จะเข้าสภา กทม. พรุ่งนี้” ภัทราภรณ์กล่าว

