ห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมาอดีตตำรวจและตำรวจที่ยังไม่เกษียณ เล่าว่ากลุ่มไลน์ของตำรวจหลายกลุ่มแชร์ข้อความเกี่ยวกับการขับเคลื่อนเรื่องปฏิรูปตำรวจ มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ส่วนใหญ่บอกว่าไม่ต้องไปขับเคลื่อนมากขอแค่ผู้นำรัฐบาล และผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้ระบบคุณธรรมในการบริหารงานบุคคลและเลิกกะเกณฑ์ที่จะให้ส่งปัจจัย แค่นี้ก็ทำงานแบบเต็มสูบแล้วไม่ต้องไปปรับแก้อะไรให้เสียเวลา

ข้อความที่แชร์ส่วนใหญ่เป็นความเห็นของ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ กรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)ผู้ทรงคุณวุฒิ โพสต์ในเฟสบุ๊กบอกว่า มีตำรวจส่งข้อความสื่อถึงความรู้สึกเจ็บปวดที่องค์กรตำรวจถูกกระทำ เพราะผู้นำองค์กรตำรวจอ่อนแอ ปล่อยให้ผู้มีอำนาจข่มขืนองค์กรตามสะดวก ล้มกฎเกณฑ์ที่ใช้เวลาวิวัฒนาการกว่า20 ปี ช่วงท้าย พล.ต.อ.เอกเชิญชวนให้ตำรวจลงชื่อสนับสนุนการเสนอร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ(ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม)
กับความเห็นของ พล.ต.อ.ปัญญา มาแม่น อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ โพสต์เฟสบุ๊กระบุว่ามีการเคลื่อนไหวจะปฏิรูปตำรวจ หลักๆคือไม่ให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน(ก.ตร.)โดยให้ประธานฯมาจากตำรวจเลือกตั้งกันเองเหมือนคณะกรรมการอัยการ(ก.อ.) ผมไม่แน่ใจว่าจะเกิดผลดีกว่าหรือแย่กว่าเก่า เป็นการหนีเสือปะจระเข้หรือไม่ หนีจากการเมืองระบบสภาผู้แทนราษฎรไปสู่ระบบวุฒิสภาที่เลือกกันเอง ขอเป็นปริศนาช่วยกันคิด…”
พล.ต.อ.ปัญญาให้ความเห็นถึงการบริหารจัดการว่าต้องขจัดตำรวจชั่วให้หมดสิ้น ให้ตำรวจดี ตำรวจเก่ง ตำรวจกล้ายืนยันในสิ่งที่ถูกต้องได้เจริญก้าวหน้า มีขวัญกำลังใจพร้อมสู้อาชญากรรมในทุกโอกาส เรื่องแบบนี้ผมเชื่อมือ ก.ตร.และผู้บริหารของหน่วยตำรวจทุกท่านรวมถึงนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานก.ตร. จะเร่งแก้ไขโดยเฉพาะการเพิ่มเงินค่าทำงาน ค่าสวัสดิการ เงินตอบแทนเสี่ยงภัยต่างๆที่ข้าราชการอื่นๆได้รับ ทำเรื่องเฉพาะหน้านี้ให้เสร็จสิ้นโดยเร็วเชื่อว่าตำรวจไทยจะคุ้มภัยให้ประชาชนได้อย่างยอดเยี่ยม
ตำรวจส่วนใหญ่สนับสนุนความเห็นของ พล.ต.อ.ปัญญา โดยเฉพาะประเด็นการบริหารจัดการและเพิ่มเงินค่าทำงาน และสวัสดิการต่างๆ ส่วนประเด็นเกี่ยวกับการแก้ พ.ร.บ.ตำรวจที่ พล.ต.อ.เอก เชิญชวนให้สนับสนุนส่วนใหญ่มองว่ายังไม่ค่อยสำคัญเท่าที่ควรเพราะต้องใช้เวลาและเชื่อว่าฝ่ายการเมืองไม่ยอมปล่อยให้อำนาจประธานก.ตร.หลุดมืออย่างแน่นอน
ความเห็นดังกล่าว”ประดู่แดง”เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการแก้ปัญหางานบริหารและเพิ่มเงินต่างๆ ผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติและก.ตร.ดำเนินการได้ทันทีไม่ต้องมานั่งรอรายชื่อสนับสนุน
ส่วนประเด็นการขอแก้กฎหมายตำรวจให้ ประธาน ก.ตร.มาจากการเลือกตั้งของตำรวจโดยตรง หวังปลดแอกจากฝ่ายการเมือง ขอฟันธงเลยว่าทำได้ยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา เพราะฝ่ายการเมืองไม่ยอมปล่อยให้อำนาจนี้หลุดมือไปแน่นอน อย่าลืมตำรวจเป็นกลไกสำคัญของรัฐบาลในการบริหารประเทศ เพราะเป็นองค์กรที่ให้คุณและให้โทษกับทุกคนได้ บางยุคผู้มีอำนาจใช้เป็นเครื่องมือคุกคามฝ่ายตรงข้ามแบบถูกต้องตามกฎหมาย เพียงแค่ให้ตำรวจบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มรูปแบบเท่านั้น
อาทิ ผู้รัฐบาลต้องการให้บริษัทยักษ์ที่มั่นใจว่ามีแบ๊กดีไม่ยอมมาซูฮก ให้หันมาซูฮก เพียงใช้ตำรวจสืบสวนด้านเศรษฐกิจเข้าไปตรวจสอบระบบการเสียภาษีว่าถูกต้องหรือไม่ แค่นี้บริษัทเป้าหมายกลัวขี้หดตดหายแล้ว เพราะกันดีว่าบริษัทในประเทศไทยส่วนใหญ่ไม่ได้จ่ายภาษีแบบตรงไปตรงมาอยู่แล้ว ความร่ำรวยของบรรดาข้าราชการกรมสรรพากรเป็นหลักฐานชั้นดี
นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเดียวยกมาเพื่อให้เห็นภาพ ยังไม่นับรวมถึงการถูกใช้เป็นเครื่องมือด้านๆอื่น อาทิ ช่วงการเลือกตั้ง สส. สั่งแอบช่วยเหลือทางคดีให้พรรคพวกหรือนายทุนพรรคแบบผิดเป็นถูกหรือหนักเป็นเบามีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง งานประเภทนี้ผู้นำต้องการตำรวจที่ไว้วางใจ ต้องเป็นคนใกล้ชิดที่อยู่ในเครือข่าย เพราะถ้าใช้บุคคลที่ไม่ใกล้ชิด หากพลาดพลั้งมีโอกาสเดินคอตกเข้าคุกได้
ดังนั้นการขับเคลื่อนเพื่อปฏิรูปตำรวจ ด้วยการพุ่งเป้าแก้พ.ร.บ.ตำรวจ 2565 บางประเด็นโดยเฉพาะการปลดแอกจากฝ่ายการเมือง ของอดีตตำรวจและตำรวจกลุ่มต่างๆนั้น บอกได้เลยว่าเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ น่าจะให้เวลานี้ไปเคลื่อนไหวกดดันให้ นายกรัฐมนตรี ผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แก้ปัญหาตามที่พล.ต.อ.ปัญญาสะท้อนมาน่าจะดีกว่าและเห็นผลกว่า
จากตัวอย่างและบริบทที่ยกมาขอฟันธงได้เลยว่า ฝ่ายการเมืองไม่ยอมให้อำนาจที่ควบคุมตำรวจไว้ในมือหลุดลอยไปอยู่ในมือตำรวจด้วยกันเองอย่างแน่นอน แม้แต่พรรคก้าวไกลถ้าได้อำนาจมานั่งบริหารประเทศ ก็ยังเชื่อใจไม่ได้ว่าจะปล่อยอำนาจนี้หลุดมือไปหรือไม่
เพราะอย่าลืมว่าตำรวจคือผู้บังคับใช้กฎหมาย พร้อมที่จะให้คุณและให้โทษกับคนทุกระดับได้เสมอ !!!
