ที่รัฐสภา วันที่ 24 กรกฎาคม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ในกรณีความผิดที่เกี่ยวกับการคุกคามทางเพศ ซึ่งนำเสนอร่างฯ จากทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคภูมิใจไทย โดยในส่วนพรรคก้าวไกล ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นผู้นำเสนอร่างฯ ได้กล่าวอภิปรายว่า ปัญหาการคุกคามทางเพศในสังคมไทยมีมาต่อเนื่องยาวนาน จากสถิติในปี 2565 มีข่าวความรุนแรงทางเพศในครอบครัวเกิดขึ้นสูงสุดถึง 67 ข่าว (31%) ข่าวข่มขืน 64 ข่าว (29.8%) และข่าวการทำอนาจาร 46 ข่าว (21.4%) สอดคล้องกับข้อมูลของมูลนิธิผู้หญิงที่รายงานว่ามีการโทรเข้าศูนย์รับเรื่องร้องเรียนกรณีความรุนแรงทางเพศในครอบครัวมากขึ้น โดยในปี 2563 มีการรับแจ้งเหตุมากกว่า 10,000 ครั้ง
สถิติจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ก็ชี้ว่าระหว่างปี 2564-2566 มีเด็กและเยาวชนถูกล่วงละเมิดทางเพศกว่า 1,000 คน ขณะที่สถิติจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติในปี 2563 มีรายงานคดีล่วงละเมิดทางเพศทั้งหมด 2,581 คดี โดยมีจำนวนคดีที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชนมากถึง 1,028 คดี
ขณะที่ในปี 2564 มูลนิธิหญิงไทยสำรวจ พบว่า 52% ของผู้หญิงในกรุงเทพฯ เคยถูกคุกคามทางเพศในที่ทำงาน โดยส่วนใหญ่เป็นคำพูดหรือการสัมผัสที่ไม่เหมาะสม ส่วนในปี 2565 พบว่ามีการร้องเรียนเรื่องการคุกคามทางเพศออนไลน์เพิ่มขึ้นกว่า 30% เมื่อเทียบกับปี 2564 โดยส่วนใหญ่เป็นกระทำผ่านข้อความหรือสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่ง 17% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเคยถูกคุกคามทางเพศออนไลน์มาก่อน มากที่สุดผ่าน 3 แพลตฟอร์มได้แก่ เฟซบุ๊ก ไลน์ และอินสตาแกรม โดย 62% ของเหยื่อเพศหญิงไม่ได้รายงานเหตุการณ์ต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งในปี 2564 มีเพียง 20% ของผู้ถูกคุกคามที่นำคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม การไม่แจ้งความเป็นผลจากความกลัวในการถูกเปิดเผยตัวตนและความอับอาย
ภคมนกล่าวว่า จากข้อมูลสถิติข้างต้นจะเห็นได้ว่าการคุกคามทางเพศในสังคมไทยเป็นปัญหาที่ขยายวงกว้างและมีความซับซ้อนหลายมิติมากขึ้น จึงไม่สามารถตีความจำกัดไว้แค่การกระทำต่อเนื้อตัวร่างกายอย่างที่กฎหมายปัจจุบันระบุไว้ได้ พรรคก้าวไกลจึงเสนอร่างกฎหมายฉบับนี้ เพื่อแก้ปัญหาข้างต้น โดยมีสาระสำคัญอาทิ แก้ไขบทนิยามคำว่า “คุกคามทางเพศ” ให้ครอบคลุมและสอดรับกับบริบทของสังคมที่เปลี่ยนไป กำหนดมาตรการเพื่อความปลอดภัย โดยให้ศาลมีอำนาจกำหนดคำสั่งงดเว้นการกระทำที่รบกวน ข่มขู่ คุกคาม หรือก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญทางเพศ ในระยะเวลาที่กำหนด
สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลกล่าวว่า ให้กำหนดบทลงโทษเป็นระดับความผิด หากเป็นการแสดงออกทางวาจา กิริยาท่าทาง และการสัมผัสที่มีวัตถุประสงค์เพื่อละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือทำให้รู้สึกไม่พึงปรารถนา มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท แต่หากยกระดับขึ้นไปเป็นการเฝ้าติดตาม กระทํากับเด็กที่อายุต่ำกว่า 15 ปี หรือกระทําโดยอาศัยความไว้วางใจหรือมีความสัมพันธ์ทางอำนาจที่เหนือกว่า เช่น เป็นผู้บังคับบัญชา นายจ้าง คนในครอบครัว รวมถึงในสถานศึกษา กำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท และให้เพิ่มฐานความผิดการคุกคามทางเพศผ่านช่องออนไลน์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท และหากเป็นการกระทำผิดซ้ำต้องระวางโทษมากขึ้นเป็นสองเท่า
ด้าน เอกราช อุดมอำนวย สส.กรุงเทพฯ เขต 10 พรรคก้าวไกล อภิปรายสรุปว่า สมาชิกส่วนใหญ่อภิปรายไปในแนวทางสนับสนุนคล้ายคลึงกัน ถึงแม้จะมี สส.บางส่วนกังวลว่าการกำหนดนิยามที่กว้างไปอาจจะทำให้เกิดการกล่าวหาเพื่อกลั่นแกล้งผู้บริสุทธิ์หรือไม่ แต่ตนเห็นว่าในประมวลกฎหมายอาญาเองได้มีการวางหลักป้องกันการฟ้องเท็จอยู่แล้ว อีกทั้งมาตรการต่างๆ ที่กฎหมายวางไว้ก็ไม่ได้ต้องการให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษเท่านั้น แต่เพื่อป้องปรามให้ผู้คนในสังคมตระหนักรู้ และมีความสำนึกรับผิดต่อบุคคลอื่นด้วย
เอกราชกล่าวว่า ดังที่ สส.หลายคนได้อภิปรายว่าการพิสูจน์ความผิดในกรณีการคุกคามทางเพศเป็นเรื่องที่ยากและละเอียดอ่อน งานวิจัยหลายฉบับก็ชี้ไปในทางเดียวกันว่าการคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศเป็นเรื่องที่เหยื่อต้องต่อสู้ภายใต้กฎหมายที่ไม่เป็นมิตร ร่าง พ.ร.บ.ของพรรคก้าวไกลจึงคิดและออกแบบมาบนพื้นฐานของการคุ้มครองผู้เสียหายอย่างรอบคอบ ทั้งปกป้องสิทธิผู้เสียหาย กำหนดโทษหนักกรณีที่ผู้ก่อเหตุมีอำนาจเหนือผู้กระทำหรือก่อเหตุกับผู้มีอายุต่ำกว่า 15 ปี เพิ่มมาตรการคุ้มครองเหยื่อโดยให้ศาลออกคำสั่งงดเว้นการกระทำได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่ เพราะเดิมกม.เกี่ยวกับการคุกคามทางเพศอยู่ในบทลหุโทษ ทำให้ดำเนินคดีได้ยาก ซึ่งขอให้สมาชิกฯ ทุกคนช่วยกันผลักดันการแก้ไขกม.ครั้งนี้ให้สำเร็จ เพื่อขจัดการคุกคามทางเพศในสังคมไทยทุกมิติต่อไป