วันที่ 5 ธ.ค. 68 เวลา 09.50 น. ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12 สงขลา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) ติดตามสถานการณ์และการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายภาสกร บุญญลักษม์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม พร้อมผู้แทนจากหน่วยงานการสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน (สปฉ.) ทั้ง 18 ส่วนงาน ร่วมประชุมผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เผย ประกาศลดระดับการจัดการสาธารณภัย (อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสงขลา) ลดจากระดับ 4 (ร้ายแรงอย่างยิ่ง) ลงเป็นระดับ 3 (ขนาดใหญ่) ใช้กลไกกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เดินหน้าช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่เต็มกำลัง ตั้งกองบัญชาการฯ ส่วนหน้า กำกับควบคุมพื้นที่จังหวัดสงขลา

นายอนุทิน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยความเป็นอยู่ของประชาชน และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ 100 ล้านบาท ให้แก่โรงพยาบาลหาดใหญ่ เพื่อฟื้นฟูและจัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ทดแทนที่เสียหายจากเหตุอุทกภัย และพระราชทานอาศยานไร้คนขับ (Drone) สำหรับภารกิจด้านการบรรเทาสาธารณภัยให้กับหน่วยงานทหาร จำนวน 10 ลำ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่พระองค์ทรงห่วงใยการปฏิบัติงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนและฟื้นฟูความเสียหายในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่

ขณะเดียวกัน สถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดสงขลาขณะนี้ หน่วยงานสามารถเยียวยาฟื้นฟูความเสียหายของประชาชนได้ตามปกติแล้ว จึงได้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่จังหวัดสงขลา และวันนี้มีคำสั่งลดระดับการจัดการสาธารณภัยเป็นภัยจากสาธารณภัย จากภัยระดับ 4 (ร้ายแรงอย่างยิ่ง) ลงเป็นการจัดการสาธารณภัยระดับ 3 (สาธารณภัยขนาดใหญ่) พร้อมจัดตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) ขึ้น ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12 สงขลา ซึ่งตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นผู้บัญชาการ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 มีอำนาจในการอำนวยการ ควบคุมและประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการจัดการสาธารณภัยที่เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร ได้มอบหมายให้นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ทำหน้าที่ดูแลในพื้นที่ และมอบให้นายภาสกร บุญลักษม์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้กำกับควบคุมพื้นที่ (Area Commander) พร้อมให้หน่วยสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน (สปฉ.) ทั้ง 18 หน่วยงาน ประสานและสนับสนุนการปฏิบัติงานให้กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) สงขลา อย่างเป็นระบบ และย้ำกำชับให้ทุกหน่วยงานยังคงดำรงการสนับสนุนการปฏิบัติการในการช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่จังหวัดสงขลาอย่างต่อเนื่องจนกว่าประชาชนจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ทั้งนี้ นายอนุทิน ได้มอบข้อสั่งการให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติการตามเป้าหมาย “7 วัน ประชาชนได้กลับบ้าน 14 วัน หาดใหญ่ต้องสะอาด” โดยให้ทุกหน่วยคงสรรพกำลังให้ความช่วยเหลือประชาชน โดยให้ถือเป็นวาระเร่งด่วนเพื่อเร่งฟื้นคืนพื้นที่ชุมชน บ้านเรือน การจัดการขยะ สร้างพื้นที่ให้สะอาดน่าอยู่ ระบบไฟฟ้า ประปา การสื่อสารต้องใช้ได้ เพื่อให้ประชาชนกลับเข้าพักอาศัยใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว ในด้านการบริหารจัดการให้กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) กำกับควบคุมพื้นที่จังหวัดสงขลา โดยประสานการปฏิบัติกับศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้าจังหวัดสงขลา และหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน เพื่อสนับสนุนการให้ความช่วยเหลือประชาชนในด้านต่าง ๆ ให้ครอบคลุมทุกด้าน โดยเฉพาะกรณีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ให้ใช้กลไกและงบประมาณที่มีอยู่แล้ว เร่งดูแลซ่อมแซมให้ประชาชนสามารถกลับเข้าพักอาศัยได้โดยเร็ว
“ระยะนี้ ขอให้ทุกหน่วยฟื้นฟูช่วยเหลือประชาชนเป็นวาระเร่งด่วน โดยเฉพาะการฟื้นคืนสภาพที่อยู่อาศัยให้ประชาชน และการเก็บ ขนถ่าย ทำลาย บำบัด ขยะ ที่ต้องเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้หาดใหญ่กลับมาสะอาดโดยเร็ว ส่วนการดูแลด้านการแพทย์และสาธารณสุข ต้องไม่ขาดแคลนเวชภัณฑ์ยาและบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลเรื่องสุขอนามัยแก่ประชาชน รวมถึงต้องวางแผนเฝ้าระวังโรคระบาดที่มากับน้ำ และโรคติดเชื้ออื่น ๆ ที่อาจมากับการสะสมของขยะในพื้นที่ และจัดทีมดูแลสุขภาพจิตของประชาชนอย่างใกล้ชิดที่สำคัญ ให้เร่งดำเนินการพิสูจน์อัตลักษณ์ผู้เสียชีวิต เพื่อที่จะได้เยียวยาค่าทำศพให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตโดยเร่งด่วน ในส่วนการจราจรให้ตำรวจและกระทรวงคมนาคมเร่งเคลียร์คืนพื้นผิวการจราจรให้มากที่สุด โดยเฉพาะบริเวณถนนหลวงที่เป็นทั้งเส้นทางสัญจรหลัก และเชื่อมต่อการเดินทางไปยังจังหวัดอื่น และเส้นทางเพื่อการขนส่งสินค้า เพื่อให้สงขลา เดินหน้าทั้งการดำรงชีวิตและเศรษฐกิจในพื้นที่” นายอนุทิน กล่าว

ด้านนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การประกาศลดระดับการจัดการสาธารณภัยลงเป็นระดับ 3 (สาธารณภัยขนาดใหญ่) ยังคงมีหลักการทำงานที่ยังคงเป้าหมายเดิมที่ต้องฟื้นฟูและคืนพื้นที่อยู่อาศัยให้ประชาชนกลับเข้าบ้านพักอาศัย มีน้ำประปา มีไฟฟ้าใช้ มีการบริหารทางการแพทย์ และอาหารการกินที่เพียงพอ และสำหรับการฟื้นฟูพื้นที่เทศบาลนครหาดใหญ่ ยังคงแบ่งพื้นที่รับผิดชอบเป็น 4 พื้นที่ สำหรับกระทรวงมหาดไทยซึ่งรับผิดชอบในพื้นที่ที่ 3 ได้บูรณาการหน่วยงานในสังกัดทั้งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมการปกครอง กรมโยธาธิการและผังเมือง และองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา รวมทั้งหน่วยทหาร ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่โดยระดมกำลังพลกว่า 6,000 นาย และเครื่องมือเครื่องจักรกลกว่า 600 รายการ เพื่อฟื้นฟูพื้นที่อำเภอหาดใหญ่มาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันมีความคืบหน้าการฟื้นฟูในการทำความสะอาดถนนเป็นอย่างมาก ด้านสาธารณูปโภค ระบบไฟฟ้ามีการจ่ายไฟครอบคลุมทุกพื้นที่แล้ว แต่ในบางพื้นที่ที่ยังไม่มีประชาชนอยู่ในบ้านจึงยังไม่ได้สำรวจอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน ส่วนระบบประปา สามารถฟื้นฟูระบบผลิตและจ่ายน้ำครอบคลุม 100% หากมีการใช้น้ำปริมาณมาก อาจทำให้แรงดันน้ำลดลงบ้าง ทั้งนี้ ได้เร่งการปฏิบัติงาน โดยบริหารจัดการกำลังพลสลับปรับเปลี่ยนหมุนเวียน เข้าปฏิบัติงานทั้งเวลากลางวันและกลางคืนเพื่อเร่งฟื้นฟูคืนสภาพบ้านเรือนและเส้นทางสัญจรให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด

ขณะที่นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ในฐานะฝ่ายเลขานุการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ จะติดตามสถานการณ์การให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูและเยียวยาผู้ประสบภัยตามนโยบายเน้นหนักโดยเฉพาะการจ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบภัยครัวเรือนละ 9,000 บาท ซึ่งปัจจุบัน (5 ธ.ค. 68) ปภ. และธนาคารออมสินได้โอนเงินไปยังบัญชีผู้ประสบภัยแล้ว ในพื้นที่ 8 จังหวัด (จ.สงขลา นครศรีธรรมราช ปัตตานี สตูล นราธิวาส ยะลา สุราษฎร์ธานี และตรัง) รวม 612,573 ครัวเรือน จำนวนเงิน 5,513.157 ล้านบาท
สำหรับจังหวัดสงขลา โอนเงินสำเร็จแล้วรวม 287,915 ครัวเรือน เป็นเงิน 2,591.235 ล้านบาท แบ่งเป็นพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ รวม 40,579 ครัวเรือน และอำเภออื่นๆ รวม 247,336 ครัวเรือน และจัดชุดปฏิบัติการสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ เพื่อให้คำแนะนำเรื่องการเยียวยาประชาชน ให้เป็นไปตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่จะไม่ให้มีการปัญหาเรื่องการล่าช้าในการช่วยเหลือประชาชน

