นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้มอบให้ กทม.ดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล.ริมคลองลาดพร้าว เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังครอบคลุมพื้นที่ 8 เขต ได้แก่ เขตวังทองหลาง ห้วยขวาง ลาดพร้าว จตุจักร หลักสี่ บางเขน ดอนเมือง และสายไหม ความยาว 45.3 กม. ซึ่งจะมีบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ในแนวพื้นที่โครงการก่อสร้างเขื่อนทั้งหมด 3,653 หลัง โดยรัฐบาลพยายามผลักดันให้ชุมชนที่อยู่ในแนวคลองและชุมชนบนบก รื้อทุบบ้านของตนเองทิ้งทั้งชุมชนเพื่อเข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคง ของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) แล้วก่อสร้างขึ้นมาใหม่ โดยต้องกู้เงินจากสถาบันการเงินมาก่อสร้างในราคา 3 – 5 แสนบาทระยะเวลาการผ่อน 15 ปีพร้อมดอกเบี้ยบวกค่าเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์ในอัตราเพิ่มขึ้นเป็นขั้นบันไดทุก 3 ปี ซึ่งจะได้บ้าน 2 ชั้นขนาดกว้างยาว 4 X 7 เมตร โดยรัฐสนับสนุนค่าสาธารณูปโภค 5 หมื่นบาทต่อหลังเท่านั้น
เนื่องจากชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นคนยากจน ด้อยโอกาส ไม่มีรายได้เป็นหลักแหล่งจึงปฏิเสธไม่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคง เพราะไม่อยากเป็นหนี้เมื่อยามแก่ จึงถูกทางราชการร่วมกันกดดันชาวบ้าน โดยให้กรมธนารักษ์แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เลือกดำเนินคดีเฉพาะรายที่เป็นแกนนำประมาณ 65 คนฐานบุกรุกทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งบางส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งเรื่องให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาลบ้างแล้ว แต่เนื่องจากชาวชุมชนที่มีบ้านเรือนปลูกอาศัยอยู่ในแนวเขื่อนริมคลองลาดพร้าว ไม่ได้ขัดขวางการก่อสร้างเขื่อนของ กทม.แต่อย่างใด และพร้อมสนับสนุนให้ กทม.ก่อสร้างเขื่อนต่อไปได้ เพียงแต่ไม่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคงของ พอช.เท่านั้น โดยพร้อมใจกัน “ตัดบ้านคืนคลอง” เพื่อรื้อถอนบ้านเรือนในส่วนที่อยู่ในแนวเขื่อนออกไป ส่วนที่มีบางส่วนเหลืออยู่นอกแนวเขื่อนบนบกก็ขอปรับปรุงซ่อมแซมอาศัยอยู่ต่อไปได้เท่านั้น ซึ่งมาตรการหรือข้อเสนอดังกล่าว เป็นสิ่งที่ชาวชุมชนริมคลองลาดพร้าวเรียกร้องมานานแล้ว หากแต่ทาง พอช. และทางราชการไม่เห็นชอบด้วยเนื่องจากจะไปลดจำนวนเงินงบประมาณที่หน่วยงานดังกล่าวอ้างว่าจะนำมาใช้จ่ายสนับสนุนช่วยเหลือชาวบ้านที่เข้าร่วมโครงการฯ
ด้วยเหตุดังกล่าวชาวชุมชนริมคลองลาดพร้าว จึงจะเดินทางไปยื่นหนังสือถึง ฯพณฯนายกรัฐมนตรีในวันพฤหัสที่ 6 กันยายน 2561 เวลา 10.30 น. ณ ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน (ตึก กพร.เดิม) ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้สั่งการให้กรมธนารักษ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแจ้งอัยการเพื่อถอนฟ้องชาวบ้านที่ไม่ขัดขวางโครงการก่อสร้างเขื่อนริมคลองลาดพร้าว ตามมาตรการ “ตัดบ้านคืนคลอง” และมาดำเนินการตรวจสอบรังวัดกำหนดสิทธิ์ในที่ดินกันใหม่ร่วมกับชาวบ้าน โดยไม่ให้ พอช.เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็เชื่อว่าจะทำให้โครงการก่อสร้างเขื่อนริมคลองลาดพร้าวประสบผลสำเร็จได้โดยเร็ว แต่หากรัฐบาลไม่รับข้อเสนอชาวบ้านทั้งหมดก็พร้อมสู้คดีถึงศาลฎีกา