ชี้การเมืองไทยในอนาคต ภท.แกนหลักเพื่อไทยตัวเสริม คาด”แม้ว”ถอยห่างส่งต่อ”เน-หนู”(ตอนจบ)

264


       ตอนที่แล้วทิ้งท้ายว่าห้วงเวลานี้จะเห็นภาพของนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กำลังโดดเด่นแบบน่าจับตามองเป็นพิเศษ โดยสื่อหลายสำนักหยิบผลเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)ที่มองกันว่าสายสีน้ำเงินกินรวบสภาสูง มาวิเคราะห์

        แม้นายอนุทินจะออกมาปฏิเสธว่าพรรคภูมิใจไทย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จริงเท็จประการใดคอการการเมืองต่างรู้ๆกันอยู่ ครั้นมามามองถึงความเคลื่อนไหวของรัฐบาลและนายทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่พรรคเพื่อไทย ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีแนวโน้มเป็นไปในทางลบมากกว่าบวก ไม่ว่าจะเป็นกรณีนายทักษิณ ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ รวมถึงการตื่นตัวของรัฐบาลในการแก้ปัญหาปากท้องที่ถูกมองว่าถ้าพรรคก้าวไกล ไม่ตั้งกระทู้ถามสดในสภาผู้แทนราษฏร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะจี้ให้บรรดารัฐมนตรีของพรรคออกมาขยับหรือไม่ ?

        ทั้งสองกรณีถ้ามองในเชิงการเมืองถือว่าเพลี่ยงพล้ำพอสมควร หากสถานการณ์ยังดำเนินไปในลักษณะนี้เรื่อยๆ ในช่วงเดือนสิงหาคม ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ขาดคุณสมบัติของนายเศรษฐา คงต้องลุ้นหนัก แต่ถ้านายเศรษฐาติดบ่วง อาจจะกระเทือนถึงพรรคเพื่อไทยและนายทักษิณได้และจะส่งให้ภาพของนายอนุทิน โดดเด่นขึ้นมาทันที และอาจจะก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของทำเนียบรัฐบาล เร็วกว่าที่คิดก็เป็นได้

       แต่ที่”จอมมารน้อย”จั๋วหัวไว้นั้นประเมินไว้ว่าน่าจะเกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลนายเศรษฐาและแนวทางบริหารจัดการของนายทักษิณ ไม่สามารถพลิกฟื้นสภาพเศรษฐกิจประเทศให้ประชาชนสัมผัสได้ว่ามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อาจจะเกิดการผ่องถ่ายอำนาจบริหารไปที่นายอนุทิน และนายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่ของพรรคภูมิใจไทยที่ช่ำชองเกมการเมืองก็เป็นได้

       หลายฝ่ายอาจจะตั้งข้อสังเกตว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะนายเนวิน เคยหักนายทักษิณมาแล้ว แต่ถ้ามองให้ลึกห้วงเวลานั้นสถานการณ์การเมืองบีบบังคับ จนนายเนวิน ต้องเอ่ยวลีว่า”มันจบแล้วครับนาย”

       เมื่อเวลาผ่านไปความเข้าใจต่อสถานการณ์บ้านเมือง รวมถึงโครงสร้างอำนาจทางการเมืองไทย ย่อมส่งผลให้ทั้งสองจูนความคิดกันได้  บวกกับช่วงที่นายทักษิณ ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ มักจะปรากฏข่าวนายเนวิน ดอดไปพบนายทักษิณอยู่บ่อยครั้ง บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่น

     ยิ่งมาเห็นภาพนายเนวิน เดินทางเข้าตรวจสอบความเรียบร้อยที่สนามบินดอนเมือง ก่อนนายทักษิณ บินกลับไทยเพียง 1 วัน ทั้งที่นายเนวิน เป็นแค่ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่เจ้าหน้าที่หน้าที่รัฐ แต่สามารถเข้าไปในพื้นที่ที่บุคคลทั่วไปไม่สามารถเข้าไปได้ แถมนายเนวินสั่งการพร้อมสอบถามถึงระบบการรักษาความปลอดภัยอีกต่างหาก เท่ากับยืนยันถึงความแนบแน่นที่ส่งถึงนายอนุทิน ไปโดยปริยาย

     ครั้นหันมามองถึงผลการเลือกตั้ง สว.พออนุมานได้ว่านายทักษิณ ได้ปล่อยผ่านให้ทางนายเนวิน และนายอนุทิน ขับเคลื่อนได้เต็มที่แม้นายอนุทิน จะยืนกรานว่าไม่เกี่ยว แต่ผลเลือกตั้งเป็นหลักฐานชั้นดี เพราะแม้แต่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยนายทักษิณยังพ่าย ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วยี่ห้อทักษิณ ถ้าจะลงสนามแข่งขันแล้วย่อมจะกำชัยเหนือคู่แข่งเสมอ แต่ศึกเลือกสว.ครั้งนี้กลับอยู่ในที่ตั้งแบบเงียบๆ


      ดังนั้นหากเกมที่กลุ่มอนุรักษ์นิยมวางให้นายทักษิณ เป็นขุนเพื่อสู้กับพรรคก้าวไกลแล้วสถานการณ์กลับไม่เป็นตามที่หวัง โอกาสที่จะเปลี่ยนขุนมาเป็นนายอนุทิน โดยมีนายเนวิน เป็นกุนซือใหญ่ เป็นไปได้สูงยิ่ง โดยพลิกให้พรรคภูมิใจไทย เป็นแกนนำ มีพรรคเพื่อไทย คอยเป็นแบ๊คอัพที่สำคัญและพรรคร่วมรัฐบาลคอยเป็นกำลังเสริม

    เมื่อมองถึงภาพรวมคอการเมืองบางกลุ่มอาจจะมองว่าเป็นไปได้อยากที่พรรคเพื่อไทย จะยอมมาเป็นนั่งร้านให้นายอนุทินและพรรคภูมิใจไทย แต่ถ้ามองให้ลึกถึงโครงสร้างอำนาจทางการเมืองไทย บวกความแนบแน่นระหว่างนายทักษิณกับนายเนวินและนายอนุทิน มีโอกาสเป็นไปได้สูงเช่นกัน

      ที่”จอมมารน้อย”นำเสนอข้อมูลมาทั้งหมด 4 ตอน เพียงเพื่อฉายภาพทางการเมืองไทยในอนาคตว่าน่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในทำนองนี้ เพื่อจะปรับกระบวนยุทธ์สู้กับพรรคก้าวไกลที่กำลังมาแรง แต่จะเป็นจริงหรือไม่ และเกิดขึ้นในห้วงเวลาไหนคงต้องติดตาม !!!