ประเดิมผลงานชิ้นแรก ลุ้น”ก.พ.ค.ตร.”ชี้ชะตา”รองฯโจ๊ก”ภายในเดือนนี้ รู้ผล”ชอบหรือไม่ชอบ”

416



           ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ชาวสีกากีและประชาชนทั่วไป คงจะลุ้นผลงานชิ้นแรกของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ(ก.พ.ค.ตร.)ที่จัดตั้งตามกฎหมายตำรวจ 2565 ถึงการวินิจฉัย ประเด็นที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.)ยื่นอุทธรณ์ขอให้วินิจฉัยคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ที่ลงนามโดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผบ.ตร.เมื่อครั้งรักษาราชการแทนผบ.ตร.ว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ? ซึ่งคำสั่งนี้ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)ลงมติทั้ง 12 เสียงว่าชอบด้วยกฎหมายมาแล้ว โดยยืนตามมติของอนุ ก.ตร.วินัย ที่มี พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธาน

        การพิจารณาคำวินิจฉัยที่ พล.ต.อ.สุเชษฐ์ ยื่นไปนั้นทาง ก.พ.ค.ตร.ได้ดำเนินการตามขั้นตอนทุกประการไม่ว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยื่นคำแก้อุทธรณ์ รวมถึงให้โอกาส พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยื่นคำแก้อุทธรณ์และมีความเห็นแย้งคำแก้อุทธรณ์ของคู่กรณี ทุกขั้นตอนเดินตามช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนด

       แม้ว่าจะเป็นผลงานชิ้นแรกของ ก.พ.ค.ตร. ประกอบด้วย นายสมรรถชัย วิศาลาภรณ์ อดีตประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธาน คณะกรรมการฯประกอบด้วย นายธวัชชัย ไทยเขียว อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และอดีตผบ.ตร. นายวันชาติ สันติกุญชร อดีตอธิบดีคณะกรรมการอัยการ พล.ต.ท.อาจิณ โชติ์วงศ์ อดีต ผบช.ก.ตร. พล.ต.อ.อำนาจ อันอาต์น์งาม อดีตที่ปรึกษาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.ปัญญา เอ่งฉ้วน อดีต ผบช.สำนักงานกฎหมายและคดี เป็นกรรมการและเลขานุการ  แต่การประชุมพิจารณาวินิจฉัย มีเพียง 6 คน

    เนื่องจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยื่นเรื่องขอให้กรรมการ 1 คน ที่เป็นคู่ขัดแย้งกันถอนตัว คือ พล.ต.อ.วิเชียร ที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เคยเป็นนายเวรมาก่อน และเคยฟ้องร้องดำเนินคดีพล.ต.อ.วิเชียรกับพวก ต่อศาลอาญา ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เมื่อครั้ง พล.ต.อ.วิเชียร สั่งให้จเรตำรวจสอบสวน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สมัยติดยศพ.ต.อ.ประเด็นที่สถานบันบันเทิงในภาคอีสานร้องเรียน

        พล.ต.อ.วิเชียร โชว์สปิริตด้วยการขอถอนตัว เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาว่าการพิจารณาของ ก.พ.ค.ตร.ไม่เป็นธรรมการพิจารณาของ ก.พ.ค.ตร.เป็นไปในลักษณะปิดลับ แต่ระหว่างที่พิจารณามีเสียงนินทาจากบรรดาชาวสีกากีที่ไม่ค่อยจะคาดหวังกับบรรดาคณะกรรมการชุดต่างๆของสำนักงานตำรวจแห่งชาตินัก เพราะผลงานส่วนใหญ่ออกมาในลักษณะตามใจผู้มีอำนาจเป็นหลัก

        ดังนั้นครั้งนี้คงจะเป็นบทพิสูจน์อันสำคัญของ ก.พ.ค.ตร.ว่าจะไปในทิศทางไหน แต่เมื่อตรวจสอบจุดยืนของก.พ.ค.ตร.ที่ นายธวัชชัย สะท้อนผ่านเฟสบุ๊คสรุปว่า ถ้าสมมติ ตร.เป็นกิจการธุรกิจ เจ้าของกิจการไม่สามารถเลือกและแต่งตั้งซีอีโอ ผู้จัดการฝ่าย หัวหน้าแผนกได้เลย มีบุคคลภายนอกเข้ามาทำโผ สั่งให้แต่งตั้งตามใจผู้มีอิทธิพลมืดนอกบริษัท

  “ในอดีต ผบ.จะแต่งตั้งนายพลสักคนแทบจะทำไม่ได้หรือไม่ได้เลย เพราะในมือมีอำนาจมืดจัดโผยัดใส่มือมาจนเกิดระบบโควต้า สัดส่วนจนเป็นที่ยอมรับกันจนเป็นจารีต สัดส่วนที่มีอยู่ในมือ ผบ.ยังมาถูกเบียดกินแดนจนไม่เหลืออีกเช่นเคย”นายธวัชชัยระบุและว่า กิจการ ตร. ไม่ใช่บริษัทหรือกิจการส่วนตัว แต่เป็นกิจการสาธารณะบันไดขั้นแรกในกระบวนการยุติธรรม แต่ความบิดเบี้ยวถูกกระทำมานานนับ ทศวรรษ ส่งผลให้บุคคลากรที่เป็นดาวกฤษ์พอที่จะเป็นหลักขององค์กรสามารถเป็นที่พึ่งพิงให้กับประชาชนได้กลับไม่ได้รับการดูแล แต่ไปเก็บ ไปกดไว้จนกลายเป็นดาวเคราะห์ที่ไม่มีแสง

นายธวัชชัยระบุอีกว่า ตร.ที่รอดมาเป็นผู้เป็นคนได้มาถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่าเทวดาฟ้าดินองค์ไหนมาปกป้องคุ้มครองจึงอยู่แบบพอมาพอไป แต่สุดท้ายฝีแตก

  “ถึงเวลาแล้วที่ต้องขจัดอำนาจมืดทั้งมวลที่เข้ามาแทรกแซง ตร. ผมได้รับการสรรหาและแต่งตั้งเป็น ก.พ.ค.ตร.แม้จะเป็นจุดเล็กๆที่เป็นดาวกฤษ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในหลุมดำแห่งจักรวาล แต่จักค่อยๆแปร่งแสงด้วยการยืนตัวตรงจัดระเบียบใน ตร.ภายใต้อำนาจและหน้าที่ ความโชคดีของ ก.พ.ค.ตร.ชุดนี้คือเรามีบทสวดเดียวกัน คือเราเป็นคนไม่มีอนาคต เราอยู่ช่วงชั้นสุดท้ายของชีวิต จึงไม่มีอะไรมาหยุดยั้งเจตนารมณ์ของพวกเราที่เข้ามารับภารกิจนี้ได้ เราจักรักษาตำรวจที่เป็นดาวกฤษ์และคนดี  ขจัดคนไม่ดีออกไปจากองค์กร ตร. เฝ้าระวังดูกฎระเบียบและการใช้อำนาจที่ไม่เป็นตามระบบคุณธรรมตามบทบาทด้วยความกล้าหาญ”นายธวัชชัยระบุ 

      ถ้าอ่านข้อความที่นายธวัชชัยโพสต์อย่างวิเคราะห์พออนุมานได้ว่าจุดยืนของ ก.พ.ค.ตร.จะเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือขจัดคนไม่ดีออกไปจากองค์กร ตร.รักษาตำรวจที่เป็นดาวกฤษ์และคนดี  ดังนั้นเชื่อว่าบรรดาชาวสีกากีทั้งหลายน่าจะพอเดาทิศทางได้ว่าการวินิจฉัยคำอุทธรณ์ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะออกมาในรูปไหนระหว่าง”ชอบ”กับ”ไม่ชอบ” !!!