ตอนที่แล้วนำเสนอเกี่ยวกับการเดินเกมจัดตั้งรัฐบาลที่พรรคก้าวไกลต้องถอย ปล่อยให้พรรคเพื่อไทย สลับขั้วมาจับมือกับพรรคร่วมรัฐบาลเก่า เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ
ในห้วงที่เดินเกมตั้งรัฐบาลบรรดาคอการเมือง ต่างนำภาพความเคลื่อนไหวแบบหลังฉากของนายทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่นอนพักรักษาการป่วยอยู่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ และการเคลื่อนไหวของ นายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่แห่งพรรคภูมิใจไทย มาต่อเป็นจิ๊กซอให้เห็นว่ามีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกัน
โดยเฉพาะก่อนที่นายทักษิณ บินกลับมารับโทษเพียง 1 วัน สื่อมวลชนทุกแขนงนำเสนอภาพนายเนวิน เดินตรวจความเรียบร้อยทั้งห้องรับรองและสนามบิน จนมีตั้งคำถามกันว่านายเนวิน มีอำนาจอะไรถึงเข้าไปในบริเวณดังกล่าวได้ทั้งๆที่เป็นพื้นที่ต้องห้ามและไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจแต่อย่างใด ซึ่งเป็นคำถามที่คงไร้คำตอบ แต่คอการเมืองคงรู้ๆกันอยู่ แต่คงค้างประเด็นนี้ไว้ก่อน
ขอมาโฟกัสที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ประชาชนต่างวาดหวังจะได้สัมผัสถึงความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รายได้เพียงพอกับรายจ่าย ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดที่หนักหนาสาหัสเกือบทุกชุมชมอยู่กันอย่างหวาดผวากับพวกขี้ยาและพ่อค้ายาที่เดินลอยนวลอยู่ ถูกขจัด เพราะต่างมั่นใจถึงเครดิตของพรรคที่เคยทำนโยบายต่างๆสำเร็จมาแล้วตั้งแต่พรรคไทยรักไทย กลายร่างมาเป็นพรรคพลังประชาชน กระทั่งมาถึงพรรคเพื่อไทย บวกกับความสำเร็จในการบริหารธุรกิจของนายเศรษฐา ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี หลังนายเศรษฐา นั่งกุมบังเหียนได้ไม่นานเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มาพร้อมกับเสียงครหาว่าเป็นแค่หุ่นเชิด ไม่กล้าตัดสินใจในฐานะผู้นำ ในหลายกรณี แม้แต่การเสนอตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ไม่กล้าตัดสินใจเดินตามที่ตัวเองวาดหวัง แถมละเลยกฏกติกาอีกต่างหาก หรือการแต่งตั้งรัฐมนตรี นายเศรษฐา แทบจะไม่มีโอกาสเลือกหรือตัดสินใจ เพราะถ้ามีโอกาสเลือกคงไม่เกิดปรากฏการณ์ของนายพิชิต ชื่นบาน ทนายความประจำตระกุลชินวัตร แน่นอน
ขณะที่นโยบายต่างๆที่เคยประกาศไว้ระหว่างหาเสียง อาทิ ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ราคาน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ลดลงทันที ยาเสพติดต้องหมดไปภายใน 1 ปี แถมประกาศเป็นวาระแห่งชาติอีกต่างหาก แต่พอปฏิบัติจริงทุกสัญญาล้วนสวนทางกันหมด ราคาน้ำมัน ค่าไฟฟ้า พาเหรดกันขึ้นราคา ยาเสพติดยังระบาดอย่างหนัก นายเศรษฐา ทำได้แค่เพียงสร้างภาพให้เป็นความหวังแบบลมๆแล้ง อย่างเช่น การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) สัญจรครั้งแรก ที่ หนองบัวลำภู ประกาศให้หนองบัวลำภูเป็นจังหวัดต้นแบบในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด แต่ดูเหมือนจะล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะการประชุมครม.สัญจรที่นครราชสีมา บอกให้ยึดร้อยเอ็ด เป็นต้นแบบโดยไม่เอ่ยถึง”หนองบัวลำภูโมเดล”แต่อย่างใด
เมื่อมองความเป็นอยู่ของประชาชนตั้งแต่ระดับกลางถึงรากหญ้า อยู่ในภาวะที่ชักหน้าไม่ถึงหลัง พนักงานหลายบริษัท รวมถึงพนักงานโรงงานต่างๆถูกเลิกจ้างจำนวนมาก หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง หนี้เสียของสถานบันนับวันจะเพิ่มแบบทวีคูณ ร้านค้าที่ไม่ใช่เครือข่ายของบริษัทผูกขาด รวมสถานที่ท่องเที่ยวตามจังหวัดต่างๆซบเซาหนัก ที่ยกมาเป็นเพียงบางส่วนยังไม่รวมถึงปัญหาสังคม ปัญหาอาชญากรรมรูปแบบต่างๆและปัญหาการบังคับใช้กฎหมายที่เน้นการเลือกปฏิบัติ ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขให้ลุล่วงแต่อย่างใด
จากความคาดหวังกลายเป็นความสิ้นหวัง มีการนำโวหารช่วงหาเสียงของนายเศรษฐาและน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกสื่อโซเซียลเชิงประชดประชันแบบเจ็บลึก และมาพร้อมกระแส”คิดถึงลุงตู่” ซึ่งความไม่ปลื้มรัฐนาวาเศรษฐา ไม่ได้เกิดกับเฉพาะคนระดับกลางถึงรากหญ้า แต่ลามไปถึงบรรดาบิ๊กบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผูกขาดธุรกิจทุกชนิด อาทิ สินค้าอุปโภคบริโภค ธุรกิจพลังงาน และธุรกิจการสื่อสาร เป็นต้น
มีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า บิ๊กบริษัทผูกขาดบางคนแสดงอาการไม่พอใจในการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดนี้อย่างมาก ถึงขั้นใช้วาจาแบบผรุสวาท เพื่อสื่อสารถึงผู้กุมอำนาจของรัฐบาล ขณะเดียวกันมีข่าวลือสะพัดว่านายเศรษฐา มีกุนซือคอยชี้แนะให้คำปรึกษาแบบไม่เป็นทางการ เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีถึง 2 คน คือนายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีเสียงนินทาออกมาว่านายเศรษฐา ค่อนข้างให้น้ำหนักไปที่คำชี้แนะจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจจะเป็นเพราะสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในช่วงที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็เป็นได้ ทำให้อีกฝ่ายเกิดอาการไม่ปลื้ม
จริงเท็จประการใดต้องติดตามดู แต่ถ้าจับความเคลื่อนไหวของบรรดาเสนาบดีของพรรคเพื่อไทย มักจะปรากฏข่าวว่ารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ย่องเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ถี่กว่านายกรัฐมนตรีเสียอีก ซึ่งบริบทเหล่านี้จะนำสู่การเปลี่ยนผ่านทางอำนาจจากพรรคอันดับ 1 ไปสู่พรรคอันดับ 2 ในรัฐบาลหรือไม่ล้วนเป็นประเด็นน่าติดตาม !!!