นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้การต้อนรับ นางชุมยา สวามินาถัน รองผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก และคณะทำงานเฉพาะกิจภายใต้สหประชาชาติ ที่ชื่นชมการทำงานด้านสาธารณสุข ระบุโครงการบัตรทองของไทยใช้ได้จริง สร้างความยั่งยืนด้านสุขภาพแก่ประชาชนไทย ว่า เห็น พล.อ.ประยุทธ์ ไปนั่งยิ้มสวยต้อนรับรองผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ไม่แน่ใจว่าท่านทราบที่มาหลักคิดของโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่ทำให้คนไทยได้เข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานในการรักษาพยาบาลหรือไม่
“ไม่ว่าจะเป็นผ่าตัดหัวใจ ไส้ติ่ง คลอดลูก ถ้าไม่มีโครงการนี้ บางคนต้องเอาที่นาไปจำนอง เป็นหนี้สินล้นพ้นตัว จากการรักษาพยาบาลยามเจ็บป่วย แต่เมื่อมีโครงการที่ให้หลักประกัน ให้ความมั่นคงในชีวิต จึงเกิดความมั่นใจกล้าจับจ่ายใช้สอย เกิดการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือน” นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ เคยสอนประชาชนหลายครั้งว่าอย่าเลือกพวกหน้าเก่า เลือกแบบเดิมประเทศก็จะเป็นแบบเดิม เลือกแบบเดิมทุกอย่างก็ตาย จึงอยากให้ท่านลองมองอย่างให้ความเป็นธรรม ให้เครดิตกันแบบสุภาพบุรุษ จะเห็นว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ดี จนองค์การอนามัยโลกนำไปเป็นต้นแบบในหลายประเทศ การเลือกตั้งครั้งหน้า สิ่งที่พรรคเพื่อไทยเตรียมดำเนินการคือการต่อยอดยกระดับโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคแบบใหม่ ภายใต้ปรัชญา ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส อยากให้รัฐบาล คสช. รีบปลดล็อกเพื่อจะได้ไปสำรวจข้อมูลและเก็บตัวอย่างความพึงพอใจจาก แพทย์ พยาบาล บุคลากรทางสาธารณสุข และประชาชน จะทำอย่างไรให้โครงการนี้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดีขึ้น และใช้งบประมาณของภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
“การปลดล็อกพรรคการเมือง เพื่อให้สามารถไปรับฟังปัญหาของประชาชนได้ จึงเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าการคำนึงถึงแต่ความมั่นคงของรัฐบาล คสช.เป็นหลัก แต่อาจทำให้ประชาชนสูญเสียโอกาสในการได้สะท้อนปัญหาและนำไปสู่การจัดทำนโยบายที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนต่อไป หรือไม่” นายอนุสรณ์ กล่าว