ผลเลือก สว.เป็นตามคาด สายกลุ่มการเมืองผงาดสภาสูง ผู้สมัครอื่นโวยแหลก’บล็อกโหวต’

306

     เป็นไปตามที่คาดการณ์ว่าผลการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา(สว.)สูตรพิสดารหนึ่งเดียวในโลก กลุ่มการเมืองหรือพรรคการเมืองพาเหรดยึดสภาสูง จากข้อมูลของสื่อหลายสำนักต่างประมวลจากผลเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)สรุปออกมามาเป็นตัวเลขตรงกันบ้างไม่ตรงกันบ้าง แต่ยืนยันตรงกันว่าสายสีน้ำเงินได้ สว.เกิน 120 คน ยึดสภาสูงแบบเบ็ดเสร็จ สายสีแดงประมาณ 12 คน สายสีเขียวประมาณ 7 คน สายสีส้มหรือเรียกกันเองว่าสายประชาธิปไตย ได้ประมาณ 18-20 คนและกลุ่มอิสระอื่นๆ ประมาณ  8 คน


      หากย้อนดูบรรยากาศก่อนที่จะหย่อนบัตรเลือกกันเองในวันที่ 26 มิถุนายน จะมีความเคลื่อนไหวหลากรูปแบบ มีทั้งสื่อสารผ่านสื่อ เคลื่อนไหวกับแบบลับๆ รวมถึงผู้สมัครอิสระจับกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อต่อรองกับกลุ่มสายการเมืองแลกค่าขนม ค่าเดินทาง และแลกให้ผลักดันคนในกลุ่มเป็นเป้าจริง

       บรรยากาศเริ่มคึกคักในช่วงวันที่ 24 -25 มิถุนายน ผู้สมัครรายหนึ่งบอกว่า รวมกลุ่มกันมาเช่าโรงแรมพักอยู่ใกล้ๆสถานที่เลือกตั้งเมืองทองธานี นอกจากสะดวกในการเดินทางแล้วสามารถที่จะดิวลับกับกลุ่มอื่นๆเพื่อแลกผลประโยชน์กันได้ด้วย แต่หลายกลุ่มกลับบ้านแบบมือเปล่าเพราะดิวแตกหลุดมือทั้งค่าขนมและตำแหน่ง

      ขณะที่กลุ่มสายพรรคการเมืองได้ผู้สมัครเข้ารอบตัวแทนจังหวัดมากว่า 1,000 คน การเคลื่อนไหวเป็นไปแบบเงียบๆ ไม่สุงสิงกับกลุ่มอื่นๆ สถานที่เก็บตัวหรือเข้าแคมป์จะใช้พื้นที่ต่างจังหวัดใกล้กรุงเทพฯ จัดติวเข้มการลงคะแนนให้กับตัวเป้าพร้อมแจกโพยไว้เป็นคู่มือลงคะแนนทั้งในกลุ่มและเลือกไขว้

      เมื่อถึงวันเลือกตั้งผู้สมัครคนหนึ่งเล่าว่าบรรยากาศภายในไม่ค่อยคึกคักเท่าที่ควร จะมีเคลื่อนไหวพูดคุยเพื่อขอคะแนนอยู่บ้าง จาก ผู้สมัครอิสระ ผู้สมัครดิวแตกและผู้สมัครเรียกตัวเองว่าสายประชาธิปไตย ส่วนกลุ่มที่จัดเต็มครบทุกกลุ่มนั่งเงียบๆไม่สุงสิงกลุ่มอื่น พูดคุยกันเองเฉพาะในกลุ่มที่เกาะกันมา

   “การเลือกตั้งภายในกลุ่มผ่านฉลุยมีปัญหาประท้วงเล็กๆน้อยๆกรรมการประจำหน่วยฯแก้ปัญหาผ่านไปได้ แต่พอถึงรอบสองจับสลากแบ่งสาย ปรากฏว่ามีบางกลุ่มผู้สมัครทำโพยที่ได้รับมาร่วง ในโพย ระบุว่ากลุ่มที่ 1-20 ให้เลือกเบอร์ไหนบ้าง ระบุไว้กลุ่มละ 5 คน มีผู้สมัครหลายคนเห็นพร้อมประท้วงให้กกต.ดำเนินการตรวจสอบและเปิดวงจรปิดดูแต่ทาง กกต.บอกว่าไม่มีขอผ่านไปสู่การลงคะแนนเลือกตั้ง”ผู้สมัครระบุและว่าอาจจะมีการร้องให้กกต.ตรวจสอบอย่างแน่นอนเพราะหลักฐานจากวงจรปิดชัดเจน

    ที่ยกมาเป็นเพียงบรรยากาศบางส่วนเพื่อสื่อให้เห็นว่าการเลือก สว.มีการจัดตั้งมาจริง โดยมีคีย์แมนพรรคการเมืองคอยบริหารจัดการ อาทิ สายสีน้ำเงิน สายสีแดง สายสีส้ม และสายสีเขียว เป็นต้น ผลการเลือกตั้งพอสะท้อนได้ว่าสายสีน้ำเงิน จัดตั้งแบบเหนียวแน่นเพราะสามารถหาผู้สมัครลงสมัครได้ทั้ง 20 กลุ่มอาชีพ

    ขณะเดียวกันเมื่อผลการเลือกตั้งออกมาเกิดดราม่าจากผู้สมัครที่อ้างว่าเป็นสายประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์สื่อหลายสำนักว่ามีการบล็อกโหวตมาเป็นแผง อาจจะร้องให้กกต.ตรวจสอบว่ามีการฮั้วหรือจัดตั้งมาหรือไม่ ถ้าได้ติดตามความเคลื่อนไหวของสายประชาธิปไตยหรือแฟนคลับรับรู้กันทั่วว่าเป็นสายส้ม จะพบว่ามีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบเหมือนกัน อย่างการเลือกตัวแทนระดับจังหวัดในกรุงเทพฯ กลุ่ม 18 หรือกลุ่มสื่อสารมวลชน ปรากฏว่าผู้สมัครชนะอันดับ 1 และ 2 ทิ้งห่างผู้สมัครอันดับ 3 กว่า 10 คะแนน จนผู้สมัครอิสระหลายคนตั้งคำถามว่าเสียเงินตั้ง 2,500 บาทเพื่อมาลงคะแนนให้คนอื่นหรือ จึงไม่แน่ใจว่าแบบนี้สายประชาธิปไตย จะเรียกว่าจัดตั้งมาหรือไม่ ?

ดังนั้นสายที่อ้างว่าประชาธิปไตยเมื่อลงมาแข่งขันแล้วหมายถึงยอมรับกฎกติกา เมื่อพ่ายต้องยอมรับไม่ใช่ออกมาดราม่าโววายว่าจัดตั้ง บล็อกโหวต ทั้งที่ควรจะยอมรับว่าจัดตั้งไม่ถึงจึงพ่ายถึงจะสมราคานักประชาธิปไตย และควรจะเลิกบูลลี่ผู้ที่ชนะเลือกตั้งว่าความรู้น้อย คุณสมบัติไม่ตรงสายอาชีพ ได้แล้ว เมื่อเขาชนะมาตามกติกา ผู้พ่ายต้องยอมรับแล้วค่อยหาแนวทางมาสู้กันใหม่น่าจะดีกว่าออกมาตีโพยตีพาย

   ผลพวงจากการเลือก สว.ในครั้งนี้ กลุ่มที่จัดตั้งมาแต่ชนะน้อย กลุ่มที่พ่ายทั้งแบบจัดตั้งและแบบอิสระ ต่างตำหนิ กกต.ว่าจัดการเลือกตั้งไม่เป็นธรรม ตำหนิกลุ่มการเมืองหรือพรรคการเมืองว่าเอาเปรียบใช้ระดมกวาดต้อนหาผู้สมัครในทุกกลุ่มพร้อมทุ่มปัจจัยเพื่อยึดสภาสูง ถ้ามองถึงความเป็นจริงแล้วไม่ควรจะตำหนิเพราะต่างยึดแนวทางตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดไว้

       แต่กลุ่มที่ควรถูกตำหนิอย่างยิ่งคือคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) นำโดย นายมีชัย ฤชุพันธุ์ พร้อมพลพรรคที่ผลิตสูตรเลือกตั้ง สว.ได้แบบพิสดาร จะเรียกประเภทครึ่งบกครึ่งน้ำก็ไม่ผิด เพราะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเสียเงินค่าสมัครแล้วเข้าไปเลือกกันเอง  เมื่อปฏิบัติจริงกลายเป็นเครื่องมือของกลุ่มการเมืองไว้แสวงหาผลประโยชน์ต่อรองทางอำนาจแบบประชาชนคนธรรมดาอย่างพวกเราได้แต่นั่งมองตาปริบๆแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานจ่ายภาษีให้พวกนี้เสวยสุข

   จึงได้แต่ฝากถามถึงความรู้สึกคณะกรรมการกรธ.ทั้งชุดว่า ผลงานนี้เป็นตราบาปในใจ หรือเป็นความภาคภูมิใจที่สามารถทำให้อำนาจกระจุกอยู่ในมือของกลุ่มการเมืองเก่าได้ !!!