“เลขาฯหลวง” บินด่วน สปป.ลาว ประสานความร่วมมือล่าตัว “ปั๊ก ปราโมทย์“ นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ภาคอีสาน กลับไทยดำเนินคดี 28 มิ.ย.นี้ พบพฤติการณ์กุมบังเหียนสั่งเครือข่ายขนยาบ้าเข้าชายแดนไทย รอยต่อ จ.นครพนม
สืบเนื่องจากกรณีที่ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. และในฐานะ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการติดตามเร่งรัดการบำบัดรักษา ฟื้นฟูสภาพทางสังคม ป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด (ศปก.ครส.) ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเร่งด่วนตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม โดยเฉพาะในกรณีความร่วมมือกับต่างประเทศอย่างใกล้ชิดในการทำลายเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติ ซึ่งเป็นปัญหาที่แพร่หลายในทุกภูมิภาค และการลักลอบลำเลียงยาเสพติดโดยใช้ไทยเป็นทางผ่านยังคงพบอย่างต่อเนื่อง ทั้งผ่านการขนส่งทางพัสดุภัณฑ์ระหว่างประเทศ ผ่านการขนส่งทางอากาศ และซุกซ่อนในสินค้าต่าง ๆ ผ่านการขนส่งทางเรือ ซึ่งทางสำนักงาน ป.ป.ส. ได้มีโครงการความร่วมมือด้านปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดกับหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการสกัดกั้นการนำยาเสพติดเข้าประเทศและส่งออกไปยังประเทศที่สามอย่างมีประสิทธิภาพนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. และในฐานะ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการติดตามเร่งรัดการบำบัดรักษา ฟื้นฟูสภาพทางสังคม ป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด (ศปก.ครส.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ตนและคณะทำงานจะร่วมกันเดินทางไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หรือ สปป.ลาว เพื่อเข้าขอบคุณและหารือถึงผลการติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาชาวไทยรายสำคัญในคดียาเสพติด ซึ่งได้หลบหนีหมายจับของศาล โดยพบพิกัดล่าสุดว่าผู้ต้องหามีการซื้อบ้านอยู่ที่เวียงจันทน์ และอาศัยอยู่กับภรรยาชาว สปป.ลาว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สปป.ลาว ได้จับกุมตัวผู้ต้องหาได้เรียบร้อยแล้ว ส่วนในวันที่ 28 มิ.ย. ตนจะได้นำตัวผู้ต้องหากลับไทย และส่งตัวดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ เผยต่อว่า สำหรับผู้ต้องหารายสำคัญคนนี้ คือ นายปราโมทย์ ปิ่นประเสริฐ หรือปั๊ก ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ 53/2567 ลงวันที่ 5 ก.พ. 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดตามเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และหมายจับที่ จ.55/2567 ลงวันที่ 6 ก.พ. 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดตามเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน , ร่วมกันมียาเสพติตให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน)ไว้ในความครอบครอง โดยผิดกฎหมาย และการครอบครองนั้นเป็นการกระทำเพื่อการค้า ทำให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชนและเกิดผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนโดยทั่วไป
ส่วนพฤติการณ์ของนายปราโมทย์ (ผู้ต้องหา) พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ เผยว่า เนื่องมาจากช่วงต้นเดือน ม.ค. 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดในพื้นที่ จ.อุดรธานี ต่อมาได้มีการขยายผลพบว่าผู้ต้องหารายดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับนายปราโมทย์ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงกระฉ่อนในพื้นที่ จ.อุดรธานี ในเรื่องการจำหน่ายและค้ายาเสพติดประเภทยาบ้า ยาอี คีตามีน เป็นต้น โดยมีการสั่งซื้อนำเข้ามาจากบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ และให้เครือข่ายลำเลียงผ่านรอยต่อบริเวณชายแดน จ.นครพนม เพื่อให้เกิดการกระจายซื้อขายยาบ้าใน จ.อุดรธานี และพื้นที่ภาคอีสานตอนบน เรียกได้ว่า เป็นผู้สั่งการ เป็นตัวการจัดหายาเสพติด และจัดหาผู้ลำเลียงยาเสพติด ลักลอบนำเข้ายาเสพติด ดังนั้น เมื่อเจ้าหน้าที่สืบสวนทราบว่านายปราโมทย์ ได้ไปกบดานอยู่ที่เวียนจันทน์ สปป.ลาว และยังคงมีพฤติกรรมค้าขายยาเสพติดที่ สปป.ลาว อีกด้วย จึงได้ประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อดำเนินการต่อผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับคดียาเสพติดตามหมายจับของศาลไทย โดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานด้านการปราบปรามยาเสพติดกับประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 28 มิ.ย. ทางการ สปป.ลาว จะได้ส่งมอบตัวนายปราโมทย์ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดอุดรธานี ให้แก่ทางการไทย ณ ด่านสะพานมิตรภาพไทย – ลาวแห่งที่ 1 (จ.หนองคาย – นครหลวงเวียงจันทน์) เพื่อจับกุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยมี พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ผอ.สำนักงาน ป.ป.ส. ภาค 4 และคณะผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมร่วมกันแถลงถึงเบื้องหลังผลการจับกุม ผังเครือข่ายนายปราโมทย์ เงินหมุนเวียน ผลสอบปากคำ และแนวทางการยึดทรัพย์ต่อไป พร้อมตอบข้อซักถามของสื่อมวลชน