เซียนอสังหาฯ ค้านรัฐบาลแก้ กม.ให้ต่างชาติเช่าที่ดิน ซื้อคอนโด หวั่นทุนเทาทะลัก

249

ดร.โสภณ ทำหนังสือถึงนายกฯ และรมต.ที่เกี่ยวข้อง ค้านให้เช่า 99 ปี ถือครองคอนโดเกิน 49 % หวั่นทุนสีเทาแห่ฟอกเงิน เสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านอสังหาริมทรัพย์ที่จะสร้างเม็ดเงินได้ปีละนับแสนล้านบาท

วันที่ 24 มิถุนายน 2567 จากกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเร่งแก้กฎหมายให้ชาวต่างด้าวเช่าที่ดินเพิ่มเป็น 99 ปี-ถือกรรมสิทธิ์คอนโดเพิ่มเป็นไม่เกิน 75% จากเดิมไม่เกิน 49% เพื่อเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ นายโสภณ พรโชคชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ และประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ ได้ทำหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย และ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีประสิทธิผลจริง

โดย นายโสภณ ระบุว่า การให้ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี ถือว่ามากเกินความจำเป็น ซึ่งประเทศจีน กัมพูชา เมียนมาและเวียดนามก็ให้เช่าต่างชาติเช่าเพียง 50 ปี ยกเว้นในเขตเศรษฐกิจพิเศษในเวียดนามได้ถึง 70 ปี ขณะที่ลาวและอินโดนีเซียให้เช่าเพียง 30 ปี ส่วนสิงคโปร์ที่ใช้ระบบอังกฤษที่ให้เช่า 99 และ 999 ปีนั้นในทางปฏิบัติปัจจุบันให้เช่าไม่เกิน 60 ปี

ขณะที่การถือครองห้องชุดนั้น แม้ว่ามีบางฝ่ายอ้างว่ามีอาคารชุดบางแห่งในเขตใจกลางเมืองของกรุงเทพมหานคร จะมีต่างชาติซื้อห้องชุดถึง 49% แล้ว แต่รัฐบาลก็ไม่ควรออกมาตรการไปเอื้อประโยชน์แก่เฉพาะโครงการเหล่านั้น ยังมีโครงการอื่นใกล้เคียงที่ยังมีห้องชุดว่างให้ต่างชาติซื้ออีกเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ในต่างประเทศ การให้ต่างชาติถือครองห้องชุดก็กำหนดไว้ต่ำ เช่น เวียดนาม 30% อินโดนีเซีย 49% มาเลเซีย 50% เป็นต้น

หนังสือระบว่า ผลการสำรวจล่าสุด ณ สิ้นปี 2566 ของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทยที่นายโสภณเป็นประธาน พบว่าต่างชาติซื้อห้องชุดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 5,036 หน่วย (10.2% ของหน่วยที่ขายได้ทั้งหมด) รวมมูลค่า 31,601 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่ามาตรการนี้ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง และอาจก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา เช่น ปัญหาคนต่างชาติสีเทา การฟอกเงิน อาชญากรรม ปัญหาการครอบงำทางเศรษฐกิจ และปัญหาความมั่นคงของชาติ

“กระผมมีข้อเสนอเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านอสังหาริมทรัพย์โดยการเก็บภาษี ซึ่งจะทำให้ประเทศมีรายได้นับแสนล้านบาทต่อปี โดยเก็บภาษีกับคนต่างชาติ เช่นเดียวกันที่คนไทยไปซื้อบ้านในต่างประเทศ เช่น เก็บภาษีซื้อ 10% โดยในยุโรป ฮ่องกง และสิงคโปร์เก็บประมาณ 20% 30% และ 60% ตามลำดับ, คิดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 1% ตามราคาตลาด (1-3% ในสหรัฐอเมริกา), เก็บภาษีกำไรจากการขายต่อประมาณ 20% ของราคาตลาด (เช่นในสหรัฐอเมริกา) และ เก็บภาษีมรดกประมาณ 10% ของกองมรดก (20-50% ในต่างประเทศ)” ผู้เชี่ยวชาญกด้านอสังหาริมทรัพย์กล่าว

เขายังเสนอให้รัฐบาลกำหนดมาตรการเพิ่มเติม เช่น การกำหนดราคาขั้นต่ำที่จะให้ต่างชาติซื้อ เช่น กำหนดไว้ในราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อจะได้ไม่มาแย่งคนไทยโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลางซื้อ,  กำหนดให้ชาวต่างชาติที่ซื้อบ้านหรือห้องชุดในไทย จะขายต่อได้ก็ต่อเมื่อผ่านไปเกิน 3 ปีแล้ว เพื่อป้องกันการเก็งกำไร, กำหนดให้ชาวต่างชาติสามารถกู้เงินซื้อบ้านจากสถาบันการเงินในไทยได้เพื่อให้ต่างชาติสะดวกในการซื้อมากขึ้น แต่อนุญาตให้กู้ได้ไม่เกิน 50% ของราคาตลาดเพื่อกระตุ้นการเงินในประเทศและป้องกันผลประโยชน์ของสถาบันการเงินและผู้ถือหุ้นที่ปล่อยกู้

ทั้งนี้นายโสภณเสนอให้รัฐบาลนิรโทษกรรมแก่ กลุ่มที่ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายก่อนหน้านี้ เช่น ผู้ใช้บริษัทนอมินีซื้อขายอสังหาริมทรัพย์, ผู้ปล่อยเช่าโดยมิชอบ เช่น ให้เช่า 30 ปี + 30 ปี + 30 ปี และ ห้องชุดที่มีต่างชาติครอบครองเกินกว่า 49% โดยให้เสียภาษีให้ถูกต้อง นำความโปร่งใสกลับคืนมา ยิ่งกว่านั้นรัฐบาลควรดำเนินการตรวจสอบและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด หาไม่จะมีชาวต่างชาติสีเทาหรือสีดำเข้ามาเป็นจำนวนมาก และจะเป็นปัญหาใหญ่แก่ประเทศชาติในระยะยาว

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #แก้กฎหมายให้ต่างชาติเช่าที่ดิน99ปี #เศรษฐาทวีสิน #โสภณพรโชคชัย #ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ #มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์