“ธรรมนัส” ชูรบ.เศรษฐา ทำสินค้าเกษตรราคาพุ่ง

202

“รมว.เกษตร” โอดได้งบปี 68 จำกัด แต่จะแก้ปัญหาภาคเกษตรให้ตรงจุด ชูรัฐบาลเข้ามาไม่กี่เดือน ทำข้าว ยาง ราคาพุ่ง สร้างประวัติศาสตร์ส่งออกโคเนื้อไปซาอุฯ ปูทางตลาด ตอ.กลาง ตั้งเป้าเพิ่มรายได้เกษตรกร 3 เท่าในปี 70

ที่รัฐสภา วันที่ 21 มิ.ย. 67 ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้ลุกขึ้นชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ว่า กระทรวงทำหน้าที่ดูแลเกษตรกรทั้งสิ้น 30 ล้านคน แต่ได้งบประมาณ เพียง 125,882 ล้านบาท ซึ่งต้องยอมรับว่าด้วยข้อจำกัด จึงต้องจัดลำดับความสำคัญเพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุด โดยนำปัญหาที่พบมาวางแผน ในการจัดงบประมาณ แต่ด้วยกรอบระยะเวลา ไม่สามารถใส่ในแผนของหน่วยงานหลักที่ดูแลเรื่องน้ำคือกรมชลประทานได้ ซึ่งประเทศไทยมีพื้นที่เพียง 60.29 ล้านไร่ ที่เหมาะสมกับการเป็นพื้นที่ชลประทาน

 ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า การจะแก้ปัญหาจำเป็นต้องแก้ไขที่กฎหมายก่อน เพื่อให้เข้ากับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยต้องแบ่งเกษตรกรเป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มที่มีความเข้มแข็งต้องส่งเสริมให้สร้างสินค้าการเกษตรที่มีคุณภาพ และส่งเสริมการส่งออก โดยรัฐจะเป็นผู้อำนวยความสะดวกในเรื่องการส่งออก ส่วนกลุ่มเข้มแข็งปานกลาง จะเน้นการส่งเสริมใช้นวัตกรรมการแปรรูป  โดยต้องหาตลาดรองรับสินค้า แต่ต้องยอมรับว่า ความแปรปรวนทางสภาพอากาศ ส่งผลต่อเกษตรกรกลุ่มเปราะบาง ต้องจำแนกกลุ่มนี้ออก และไปส่งเสริมให้ฟื้นฟูทำการเกษตรในระดับกลางให้ได้

จำนำข้าว

เขากล่าวว่า ภาคการเกษตรมีปัญหามากมายที่สั่งสมมาเป็นระยะเวลายาวนาน รัฐบาลที่แล้วพยายามแก้ไข แต่แก้ไม่ได้ โดยรัฐบาลนี้ใช้เวลาไม่กี่เดือนก็สามารถปรับราคาสินค้าเกษตรให้สูงขึ้นได้ ราคาข้าวก็ดีขึ้น ราคายางพาราก็ดีขึ้น ซึ่งเป็นความหวังของคนไทย

รมว.เกษตร ฯ กล่าวถึงการส่งออกโคเนื้อไปประเทศซาอุดีอาระเบีย  ว่านับเป็นความสำเร็จ และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งตนก็มีกำหนดการเดินทางไปซาอุฯ เพื่อไปลงนามบันทึกข้อตกลงในเรื่องนี้ ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือน ไทยจะสามารถส่งโคมีชีวิตไปยังประเทศตะวันออกกลาง โดยเริ่มต้นที่ประเทศซาอุดีฯ นอกจากนี้ยังมีการขยายตลาดโคเนื้อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเวียดนาม มาเลเซีย ลาว และกัมพูชา โดยได้รับความร่วมมือจากกรมศุลกากร ให้ขยายเวลาในการเปิดด่านเพื่อส่งสินค้า

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวถึงงบประมาณในการจัดซื้อวัคซีนที่ใช้ในภาคปศุสัตว์ ว่า วัคซีนมี 2 ประเภท คือ เชื้อเป็น กับเชื้อตาย กระทรวงฯของบประมาณจัดซื้อวัคซีนเชื้อเป็นจากต่างประเทศไป 5 ล้านโดส แต่ได้รับเพียง 2 ล้านกว่าโดส เพื่อทำให้สัตว์ปลอดโรคขณะนี้เรากำลังพัฒนาวัคซีนแบบเชื้อเป็นในประเทศ

เขากล่าวยอมรับว่า ปัญหาโรคปากเปื่อยเท้าเปื่อย ทำให้พี่น้องเกษตรกรกลุ่มที่ยังไม่แข็งแรงเลิกเลี้ยงโคนม จนจำนวนผู้เลี้ยงโคนมลดลง ซึ่งรัฐบาลจะเร่งกำจัดปัญหาเหล่านี้ให้สิ้นซาก

”เราจะสร้างความเข้มแข็งโดยเพิ่มรายได้ภายในปี 70 ให้เป็น 3 เท่า ตามที่รัฐบาลได้วางเป้าเอาไว้ ภายใต้รัฐบาลที่ขับเคลื่อน และภายใต้การตรวจสอบของฝ่ายค้านเป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องทำงานแบบไตร่ตรองให้ดี ทำงานให้จริงจัง ใส่ใจต่อพี่น้องเกษตรกร“ ร้อยเอกธรรมนัส กล่าว

#Thaitabloid #ไทยแทบลอยด์ #ธรรมนัสพรหมเผ่า #กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ #อภิปรายงบปี68