กรมส่งเสริมการเกษตรแนะวิธีดูแลพืชผักในช่วงฤดูฝน

212

กรมส่งเสริมการเกษตรแนะวิธีดูแลพืชผักในช่วงฤดูฝน

นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการและจะมีฝนตกมากกว่าร้อยละ 60 ของพื้นที่ โดยเฉพาะประเทศไทยตอนบน พร้อมคาดการณ์ฤดูฝนสิ้นสุดในช่วงกลางเดือนต.ค. ส่วนภาคใต้ ฝนตกจะต่อเนื่องถึงกลางเดือนม.ค.68 เกษตรกรควรวางแผนการปลูกและรักษาพืชผักให้เหมาะสม เนื่องจากในช่วงฤดูฝนมีปริมาณน้ำมากและความชื้นในอากาศสูง หากวางแผนการผลิตและดูแลรักษาไม่ดี อาจทำให้ผลผลิตเสียหายได้ ดังนั้นจึงขอแนะนำวิธีการดูแลพืชผักให้เหมาะกับช่วงฤดูฝน ดังนี้

1) เลือกชนิดพืชผักที่เหมาะสมกับช่วงฤดูฝน เช่น กวางตุ้ง ผักบุ้งจีน ผักกาดหอม ตำลึง ถั่วลันเตา ถั่วฝักยาว แตงร้าน ฝักทอง ฝัก แฟง มะระ บวบ ส่วนพืชผักที่ไม่เหมาะสมต่อการเพาะปลูกในฤดูฝน เช่น หอมหัวใหญ่ หอมแดง กระเทียม แครอท เป็นต้น

2) การเตรียมเมล็ดพันธุ์ปลูก ควรใช้เมล็ดพันธุ์คุณภาพมาตรฐานจากแหล่งที่เชื่อถือได้ บรรจุภัณฑ์ปิดสนิท มีข้อมูลแสดงอายุการทำพันธุ์ และเพื่อเป็นการป้องกันเชื้อราที่ติดมากับเมล็ด ควรแช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำอุ่น ประมาณ 50 องศาเซลเซียส นาน 30 นาที เพื่อกำจัดเชื้อโรคที่อาจติดมากับเมล็ดผักได้

3) การเตรียมดิน ในฤดูฝนดินมีการอุ้มน้ำมาก หากรากพืชแช่อยู่ในน้ำนานจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ขาดอากาศและตายในที่สุด โดยพืชผักที่มีรากไม่ลึกมาก ควรยกแปลงให้สูงจากพื้นดินมากกว่า 30 ซ.ม. เพิ่มปริมาณปุ๋ยคอก ให้มากกว่าเดิม เผื่อปรับโครงสร้างและเพิ่มช่องว่างในดิน หรือใส่ปูนขาว อัตรา 100 – 200 กิโลกรัมต่อไร่เพื่อปรับสภาพ และลดความเป็นกรดของดิน

4) การจัดการแปลงปลูกด้วยการคลุมแปลง เพื่อป้องกันเม็ดฝนที่สร้างความเสียหายแก่ผิวหน้าดินและระบบรากพืช โดยเฉพาะพืชที่มีระบบรากตื้น โดยใช้วัสดุเหลือใช้ที่หาได้ง่าย เช่น ฟางข้าว หญ้าแห้ง หรือสแลนตาข่ายพรางแสง หรือทำหลังคาจะช่วยป้องกันและลดความเสียหายของแรงกระทบจากน้ำฝนต่อเมล็ดและต้นอ่อนได้

5) หมั่นกำจัดวัชพืช นอกจากจะทำให้พืชเจริญเติบโตดีแล้ว ยังเป็นการลดแหล่งอาศัยของศัตรูพืชและทำให้แสงแดดส่องถึงพื้นดิน ช่วยลดความชื้นและทำให้การระบายอากาศในแปลงผักดี

6) รดแปลงผักด้วยน้ำปูนใส ช่วยให้กล้าผักมีความแข็งแรงและเพิ่มอัตรารอดตายจากโรคพืชที่เข้าทำลายได้ โดยผสมปูนขาว 5 กิโลกรัมในน้ำ 20 ลิตร กวนให้เข้ากัน ทิ้งไว้ 1 คืนให้ตกตะกอน หลังจากนั้นนำน้ำปูนใสที่ตกตะกอนแล้วผสมน้ำอัตรา 1 ต่อ 5 รดแปลงผักสัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง

7) การใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา ป้องกันกำจัดเชื้อราโดยคลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยเชื้อราไตรโคเดอร์มา ชนิดผงคลุกเมล็ด ในอัตรา 10 – 20 กรัมต่อเมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม เติมน้ำลงไปเล็กน้อย เพื่อช่วยให้เชื้อราจับติดเมล็ดได้ดีขึ้น และนำเมล็ดพันธุ์ไปปลูกทันที ใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา เชื้อสด บนเมล็ดธัญพืช 1 ส่วน ผสมกับรำข้าว 10 ส่วน และปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 40 ส่วน ผสมให้เข้ากัน พรมน้ำให้ชุ่ม ทิ้งไว้ในที่ร่ม 1 – 3 คืน เพื่อให้เชื้อราเจริญเติบโต จากนั้นนำไปคลุกเคล้ากับดินปลูกหรือรองก้นหลุม ประมาณ 1 กำมือต่อต้น หรือใช้โรยบริเวณโคนต้น หรือหว่านในแปลงที่ปลูกพีชแล้ว อัตรา 50 – 100 กรัมต่อตารางเมตร และใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มาชนิดสด 1กิโลกรัม ต่อน้ำ 100 ลิตร ฉีดพ่นลงดินหรือบริเวณรากของพืช หรือฉีดพ่นส่วนบนของต้นพืช

นายพีรพันธ์ กล่าวว่า หากเกิดภาวะฝนทิ้งช่วง เกษตรกรจำเป็นต้องให้น้ำแก่พืช อย่างสม่ำเสมอและเพียงพอ หากพืชขาดน้ำในช่วงนี้ เมื่อฝนตกลงมาอีกครั้งจะทำให้ผลผลิตเสียหาย โดยเฉพาะพืชผักรับประทานผล จะทำให้ผลแตก และที่สำคัญเกษตรกรควรขึ้นทะเบียนเกษตรกรและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรให้เป็นปัจจุบัน หากอยู่ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ จะมีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการช่วยเหลือจากภาครัฐได้ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด โดยเกษตรกรสามารถติดต่อสอบถามและขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้ที่สำนักเกษตรอำเภอหรือสำนักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้านท่าน.

#Thaitabloid#สำนักข่าวไทยแทบลอยด์#กรมส่งเสริมการเกษตร#ข่าวการเกษตรวันนี้