‘ธวัชชัย’แจงขั้นตอน ชี้ ก.พ.ค.ตร.รอคำแก้อุทรณ์จาก’รรท.ต่าย’ปมให้ออก’รองฯโจ๊ก’

271

“ธวัชชัย ไทยเขียว “กรรมการ ก.พ.ค.ตร.แจงขั้นตอนพิจารณารับอุทรณ์คำสั่งให้ออกราชการ”บิ๊กโจ๊ก”ชี้ ยังอยู่ระหว่างรอคำแก้อุทรณ์จากคู่กรณี

วันที่ 30 พ.ค.67 นายธวัชชัย ไทยเขียว กรรมการ ก.พ.ค.ตร. ในฐานะ รองโฆษก ก.พ.ค.ตร. โพสต์ข้อความบน Facebook ชี้แจงขั้นตอนการพิจารณาสำนวนคำร้องอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองทั่วไป ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน ว่า #ขั้นตอนพิจารณาสำนวนคำร้องอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองทั่วไป #เทียบเคียงกับกรณีของรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ #ฟังอีกครั้ง

คำร้องอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองวินัยตำรวจทุกกรณี หลังกรรมการเจ้าของสำนวนได้รับคำร้องอุทธรณ์แล้ว จะเร่งทำการตรวจว่าเป็นสำนวนดังกล่าว ที่ชอบด้วยกฎหมายและไม่มีลักษณะต้องห้ามก็จะสั่งรับไว้พิจารณาหรือไม่ ซึ่งกรณีคำร้องอุทธรณ์ของท่าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ นั้น กรรมการเจ้าของสำนวนได้มีคำสั่งรับไว้พิจารณาแล้ว พิจารณาคำขอว่าเป็นอย่างไร ใครบ้างเป็นคู่กรณี และมีคำขอวิธีการคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่

กรรมการเจ้าของสำนวนก็จะมีคำสั่งให้คู่กรณีได้ทำคำแก้อุทธรณ์ และหรืออาจกำหนดประเด็นเพิ่มเติมให้ชี้แจงภายใน 30 วัน และพิจารณาชี้แจงทำความเห็นกรณีขอวิธีการคุ้มครองชั่วคราวภายใน 7วัน หรือตามเวลาที่กรรมการเจ้าของสำนวนเห็นสมควร(ถ้ามี)

นอกจากนี้ หากกรรมการเจ้าของสำนวนหากเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความเป็นธรรมอาจมีคำสั่งเรียกทั้งพยานบุคคลมาไต่สวนและเรียกพยานเอกสารเพิ่มเติมก็ได้

อนึ่ง หากคำสั่งทางปกครองเกิดจากผู้มีอำนาจ คือ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และหรือนายกรัฐมนตรีก็ต้องส่งสำเนาคำอุทธรณ์และพยานหลักฐานทั้งหมดให้คู่กรณีทั้ง 2 ท่านทำคำแก้อุทธรณ์ส่งกลับมาตามเวลาดังกล่าวข้างต้น

อย่างไรก็ตามคู่กรณีอาจยื่นขอขยายระยะเวลาการทำคำแก้อุทธรณ์เข้ามาพร้อมเหตุผล ซึ่งกรรมการเจ้าของสำนวนอาจอนุญาตให้หรือไม่ให้ตามระยะเวลาที่ขอขยายก็ได้ พยานหลักฐานที่ได้มาทั้งหมดต้องแจ้งให้คู่ความทุกฝ่ายทราบเสมอกันทั้งหมด

#สถานะสำนวนท่านรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติปัจจุบันอยู่ในชั้นรอคำแก้อุทธรณ์จากคู่กรณี

หลังได้รับคำแก้อุทธรณ์แล้ว กรรมการเจ้าของสำนวนจะมีคำสั่งให้ส่งไปให้ผู้อุทธรณ์ทราบและทำความเห็นแย้ง ซึ่งถ้ามีความเห็นแย้งก็ให้ส่งสำเนาความเห็นแย้งดังกล่าวไปให้คู่กรณีทราบด้วยเช่นกัน

เมื่อได้ข้อเท็จจริงเพียงพอ กรรมการเจ้าของสำนวนก็จะมีคำสั่งแจ้งกำหนดวันสิ้นสุดการแสวงหาข้อเท็จจริงให้คู่ความทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 10 วัน ระหว่างนี้คู่ความยังส่งเอกสารเพิ่มเติมได้ แต่หลังวันพ้นกำหนดแล้วจะไม่รับไว้พิจารณา

ช่วงนี้ กรรมการเจ้าของสำนวนจะสรุปความเห็นกระบวนการพิจารณา พร้อมร่างคำวินิจฉัย และทำบันทึกขอวันกำหนดวันพิจารณาวินิจฉัยจากประธานฯ พร้อมแจ้งให้คู่กรณีทราบวันดังกล่าวล่วงหน้าไม่น้+อยกว่า ๗ วัน โดยในวันพิจารณาวินิจฉัยคู่ความสามารถยื่นแถลงเป็นเอกสารหรือแถลงด้วยวาจาเพิ่มเติมอีกก็ได้

คำวินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์ของ ก.พ.ค.ตร. จะออกมาได้ 4 ทาง คือ

     (1)ไม่รับอุทธรณ์ ด้วยเรื่องอุทธรณ์ไม่อยู่ในเงื่อนไขที่ ก.พ.ค.ตร. จะรับไว้พิจารณาได้ เช่น เป็นเรื่องที่ไม่อยู่ในอำนาจ หรือผู้อุทธรณ์ไม่ใช่ผู้มีสิทธิ์อุทธรณ์ตามกฎหมาย หรือยื่นพ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หรือเป็นเรื่องที่เคยอุทธรณ์ และ ก.พ.ค. ตร. ได้มีคำวินิจฉัยในเรื่องนั้นแล้ว หรือเคย อุทธรณ์มาแล้วและอยู่ระหว่างการพิจารณา ก.พ.ค. ตร. ก็จะมีคำวินิจฉัยไม่รับอุทธรณ์ และจำหน่ายออกจากสารบบ โดยไม่ต้องพิจารณาในเนื้อหาของอุทธรณ์ ซึ่งกรณีคำร้องอุทธรณ์ของท่าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ กรรมการเจ้าของสำนวนมีคำสั่งรับไว้พิจารณาแล้วดังกล่าวข้างต้น

      (2)ยกอุทธรณ์ ด้วยคำสั่งทางปกครองที่นำมาอุทธรณ์นั้นเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่อุทธรณ์ของผู้อุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น

     (3)ให้แก้ไข เพราะคำสั่งที่นำมาอุทธรณ์นั้นไม่ถูกต้องบางส่วน หรือไม่ชอบด้วยกฎหมายบางส่วน จึงวินิจฉัยให้แก้ไขในส่วนที่ไม่ถูกต้อง

     (4) ยกเลิกคำสั่งลงโทษ และอาจมีคำสั่งให้เยียวยาความเสียหายให้แก่ผู้อุทธรณ์ด้วยก็ได้ รวมทั้งเร่งรัดติดตามการเยียวยา หรือให้ดำเนินการอื่นใดเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม แต่จะมีคำวินิจฉัยให้เพิ่มโทษไม่ได้ เนื่องมาจากคำสั่งที่นำมาอุทธรณ์นั้น เป็นคำสั่งที่ออกโดยไม่ถูกต้อง หรือไม่ชอบด้วยกฏหมาย อุทธรณ์ของผู้อุทธรณ์นั้นฟังขึ้น จึงวินิจฉัยให้ยกเลิกคำสั่ง ซึ่งมีความหมายเช่นเดียวกับให้เพิกถอนคำสั่ง

ในกรณีที่ผู้อุทธรณ์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของ ก.พ.ค.ตร. ให้ฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน 90 วันนับแต่วันที่ทราบ
หรือถือว่าทราบคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร.

ผู้บังคับบัญชาผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวให้ถือว่าเป็นการจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล
อื่น

ระยะเวลาพิจารณาวินิจฉัย หากไม่แล้วเสร็จภายใน 120 วัน ก็ให้ขยายได้อีก 2 ครั้งๆละ ไม่เกิน 30 วัน หรือรวมแล้วไม่เกิน 240 วัน ซึ่งปกติถ้าคู่กรณีไม่ขอขยายระยะเวลาทำคำแก้อุทธรณ์ และผู้อุทธรณ์ไม่มีประเด็นความเห็นแย้งในสาระสำคัญในคำแก้อุทธรณ์ดังกล่าว การพิจารณาวินิจฉัยก็จะใช้เวลาไม่เกินกว่ากรอบแรกตามที่กฎหมายกำหนด คือ 120 วัน เพราะเป็นสำนวนคดีดังกล่าวไม่ได้มีความยุ่งยากซับซ้อนอะไรมากนัก ฉะนั้น ขณะนี้เหตุจะช้าหรือเร็วจึงขึ้นอยู่กับว่า คู่กรณีได้ขอขยายเวลาทำคำแก้อุทธรณ์ หรือผู้อุทธรณ์มีความเห็นแย้งในสาระสำคัญดังกล่าวหรือไม่เท่านั้น

#กรรมการทุกท่านยังยืนตัวตรงให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ข้อมูล FB ธวัชชัย ไทยเขียว

https://www.facebook.com/share/p/ku4SFxSR5BB3ycjY/?mibextid=oFDknk

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #ข่าวอาชญากรรมวันนี้