สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ ภ.จว.อุตรดิตถ์ จับกุมผู้ต้องหาใช้บ้านเป็นแหล่งพักยา ยึดยาบ้า 432,007 เม็ด

308

สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ ภ.จว.อุตรดิตถ์ จับกุมผู้ต้องหาใช้บ้านเป็นแหล่งพักยา ยึดยาบ้า 432,007 เม็ด

วันที่ 27 พฤษภาคม 2567 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เผยถึงความร่วมมือระหว่าง สำนักงาน ป.ป.ส. และ ตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ จับกุมผู้ต้องหา มีบทบาทใช้บ้านเป็นแหล่งพักยาเสพติด เพื่อส่งต่อให้ผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมยึดของกลางยาบ้า รวม 432,007 เม็ด เหตุเกิดที่ จ.อุตรดิตถ์

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า สำนักงาน ป.ป.ส. สืบสวนติดตามพฤติการณ์เครือข่ายชาติพันธุ์ในพื้นที่ จ.เชียงราย ที่มีพฤติการณ์ลักลอบส่งยาเสพติดผ่านพัสดุภัณฑ์ไปให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคใต้ และได้มอบหมายให้นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด จัดชุดสืบสวนสืบสวนกระทั่งทราบว่า เครือข่ายดังกล่าวเตรียมจัดส่งพัสดุที่ซุกซ่อนยาเสพติดไป จ.อุตรดิตถ์ จึงติดตามพฤติการณ์อย่างใกล้ชิด รวมทั้งประสาน ภ.จว.อุตรดิตถ์ ในการสืบสวนขยายผล

กระทั่งวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมผู้รับพัสดุในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ พร้อมของกลางยาบ้า 200,000 เม็ด ซุกซ่อนภายในกล่องพัสดุ 4 กล่อง จากการตรวจค้นร่างกาย พบยาบ้า 7 เม็ด จากนั้นขยายผลตรวจค้นบ้านพัก พบยาบ้าอีก 232,000 เม็ด รวมของกลางยาบ้า 432,007 เม็ด ผู้ต้องหาให้การว่าได้รับการสั่งการจากชายชาว จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งเคยต้องโทษจำคุกเกี่ยวกับคดียาเสพติดมาแล้ว 3 ครั้ง ปัจจุบันหลบหนีหมายจับอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน แต่ยังมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการค้ายาเสพติด

ชุดจับกุมแจ้งข้อกล่าวหา ในความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และความผิดฐานสมคบตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และได้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบ ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้อนุมัติหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องในการจัดส่งพัสดุและผู้สั่งการ โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนติดตามจับกุมบุคคลดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และสำนักงาน ป.ป.ส. จะร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้องขยายผลตรวจสอบทรัพย์สินผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การยึดทรัพย์ต่อไป

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า ปัจจุบันพบว่าการกระจายยาเสพติดผ่านระบบขนส่งโลจิสติกส์เอกชน เป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมใช้ในการนำส่งยาเสพติดไปยังผู้รับ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการขนส่งต่ำ โดยตนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดร่วมมือกับสถานประกอบการ ขอความร่วมมือจากบริษัทขนส่งพัสดุให้เข้มงวดกวดขันในการตรวจสอบเอกสารหลักฐานของการส่งพัสดุ และบันทึกภาพผ่านกล้องวงจรปิด ทั้งนี้เพื่อให้ในการจับกุมทุกครั้งสามารถรู้ตัวผู้เกี่ยวข้องที่เป็นผู้ส่ง-ผู้รับยาเสพติดอย่างแน่นอน นอกจากนี้ต้องมีการคัดกรองประวัติของผู้ที่จะเข้ามาพนักงาน โดยหากผู้ประกอบการฝ่าฝืน ปล่อยปะละเลยให้มีการขนส่งยาเสพติดผ่านบริษัทของตนเอง จะมีโทษปรับ 100,000 บาท หากกระทำผิดซ้ำก็จะพิจารณาโทษทางอาญา หรือ เพิกถอนใบอนุญาต

#Thaitabloid#สำนักข่าวไทยแทบลอยด์#ปปส.#ข่าวอาชญากรรมวันนี้