ลำไย 8 จังหวัดภาคเหนือเริ่มออกสู่ตลาดปลายมิ.ย.
นายธวัชชัย เดชาเชษฐ์ ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 1 เชียงใหม่ (สศท.1) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงการติดตามสถานการณ์ผลิตลำไยของ 8 จังหวัดภาคเหนือ (เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย พะเยา ลำปาง ตาก แพร่ และน่าน) โดย สศก. ร่วมกับคณะทำงานย่อยเพื่อพัฒนาระบบข้อมูลและโลจิสติกภาคเหนือ จัดทำข้อมูลไม้ผลเศรษฐกิจภาคเหนือ ครั้งที่ 2/67 พบว่าปี 67 ลำไยของ 8 จังหวัดภาคเหนือ มีพื้นที่ปลูกลำไย 1,254,937 ไร่ ลดลงจากปีที่แล้ว14,407 ไร่ เพราะเกษตรกรโค่นต้นลำไยที่มีอายุมากแล้วเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่น เช่น ยางพารา ทุเรียน มะม่วง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยมีผลผลิตรวม 978,974 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 29,501 ตัน
ทั้งนี้ผลผลิตลำไยในฤดู จะออกสู่ตลาดช่วงปลายเดือนมิ.ย.-ก.ย. โดยผลผลิตจะออกมากที่สุดในเดือนส.ค. ประมาณ 366,273 ตัน ของผลผลิตทั้งหมด ด้านสถานการณ์การผลิตลำไยของ 8 จังหวัดภาคเหนือ ปี 67 พบลำไยในฤดู มี 637,501 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 30,601 ตัน เพราะราคาลำไยในปีที่แล้วอยู่ในเกณฑ์ดี จูงใจให้เกษตรกรดูแลรักษาต้นลำไย และใส่สารโพแทสเซียมคลอเรตเพื่อเร่งดอก แม้ว่าในเดือนมี.ค.-เม.ย. สภาพอากาศจะร้อนจัด ส่งผลให้บางพื้นที่ต้นลำไยขาดน้ำและสลัดลูกทิ้งบางส่วน แต่เนื่องจากการออกดอกและติดผลมีมากกว่าปีที่แล้วทำให้ภาพรวมผลผลิตยังคงเพิ่มขึ้น และลำไยนอกฤดู มีจำนวน 341,473 ตัน ลดลงจากปีที่แล้ว 1,100 ตัน เนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้งและร้อนจัดจนต้นลำไยในบางพื้นที่ไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถราดสารโพแทสเซียมคลอเรตเพื่อเร่งดอกได้ ขณะที่ราคาลำไยของ 8 จังหวัดภาคเหนือ ณ เดือนพ.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่ลำไยนอกฤดูออกสู่ตลาด แบ่งตามเกรด ได้แก่ ลำไยสดช่อ เกรด AA กิโลกรัมละ 25 บาท ส่วนลำไยรูดร่วง เกรด AA กิโลกรัมละ 22 บาท เกรด A กิโลกรัมละ 15 บาท เกรด B กิโลกรัมละ 10 บาท และเกรด C กิโลกรัมละ 3 บาท
ด้านลำไยในฤดู เกษตรกรจะเริ่มเก็บตั้งแต่เดือนมิ.ย. คาดราคาขายจะอยู่ในเกณฑ์ดี เพราะเกษตรกรเอาใจใส่ดูแลทำให้ลำไยมีคุณภาพดียิ่งขึ้น สำหรับสถานการณ์ตลาดลำไยภาคเหนือ ตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ จีน เวียดนาม และอินโดนีเซีย ถึงแม้ตลาดจีนจะเปิดการซื้อขายแล้วแต่ยังมีมาตรการตรวจคัดกรองที่เข้มงวด ทั้งการตรวจโรคแมลงศัตรูพืช ณ ด่านนำเข้าเพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค สำหรับความต้องการผลผลิตส่วนใหญ่จะเน้นการแปรรูปเป็นลำไยอบแห้งทั้งเปลือก อบแห้งเนื้อสีทอง น้ำลำไยสกัดเข้มข้น และลำไยกระป๋อง 480,725 ตัน บริโภคสดในประเทศ 60,724 ตัน และส่งออกลำไยสด 96,053 ตัน อย่างไรก็ตาม เดือนส.ค.เป็นช่วงที่ผลผลิตออกกระจุกตัวอาจส่งผลกระทบต่อราคาลำไย
ซึ่งหน่วยงานภาครัฐทั้งที่เกี่ยวข้องกับการผลิต การตลาด ได้เตรียมแผนบริหารจัดการสินค้าและเชื่อมโยงกับตลาดภายนอกจังหวัด เพื่อบริหารจัดการในช่วงที่ผลผลิตออกกระจุกตัวในช่วงเดือนส.ค.นี้เรียบร้อยแล้ว อาทิ การจำหน่ายลำไยเพื่อบริโภคสดในประเทศ โดยมุ่งเน้นกระจายออกนอกแหล่งผลิตผ่าน Modern Trade เครือข่ายสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน ธ.ก.ส. ไปรษณีย์ และตลาดออนไลน์ “การผลิตลำไยในปีนี้ยังคงต้องเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากระยะต่อจากนี้เป็นช่วงที่ลำไยเริ่มพัฒนาช่อผล ซึ่งถ้าเกิดภัยแล้งขึ้นช่อผลที่จะหยุดชะงัก ผลเล็กไม่เจริญเติบโต หรือผลที่เติบโตเต็มที่แล้วจะมีผลแตกในช่อได้ เกษตรกรชาวสวนลำไยควรหมั่นสำรวจสวนอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาผลผลิตให้มีคุณภาพ และให้เฝ้าระวังเพลี้ยแป้ง ซึ่งเป็นศัตรูพืชสำคัญในลำไยเพื่อไม่ให้กระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาด โอกาสนี้ ขอเชิญชวนผู้บริโภคทุกท่านร่วมสนับสนุนผลผลิตลำไยของเกษตรกร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และเป็นกำลังใจให้พี่น้องเกษตรกรในการผลิตผลไม้ที่มีคุณภาพต่อไป หากท่านใดที่สนใจข้อมูลสถานการณ์ลำไยภาคเหนือ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 1 เชียงใหม่ โทร 0 5312 1318 หรืออีเมลzone1@oae.go.th”
#Thaitabloid#สำนักข่าวไทยแทบลอยด์