หน้างานตำรวจ มันคือ ต้นธารกระบวนการยุติธรรม พงส.สารตั้งต้นชงสำนวนคดี งานสืบ งานปราบปราม ฯลฯ ล้นมือ-ค่าตอบแทนต่ำต้อย-รัฐบาลเมิน

931



              นับแต่คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ(คสช.)ครองอำนาจมาเกือบ 10 ปี ตำรวจกลายเป็นองค์กรที่ถูกปู้ยี้ปู้ยำหนักสุด มีผู้นำเป็นได้แค่เจว็ด งานบริหารบุคคลล้มเหลวหนัก


        งานสอบสวนเป็นหัวใจสำคัญในการทำสำนวนคดี ถูกผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติละเลย พนักงานสอบสวนแทบจะมองไม่เห็นความก้าวหน้าในอาชีพ แถมงานล้นมือ กำลังพลขาดแคลนอย่างหนัก ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญอันดับท้ายๆ เพราะช่องที่จะหาประโยชน์ทำได้น้อย

     ปรากฏการณ์ลักษณะนี้คนภายในจะสะท้อนได้ดีที่สุด อย่างคลิปของผู้กองอุ้ม สภ.วชิรบารมี จ.พิจิตร เผยแพร่ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ บางตอนระบุว่า”เห็นคลิปหนึ่งที่ผู้บังคับบัญชาบอกว่าไม่อยากให้การแจ้งความ แจ้งผ่านพวกอินฟลูเอนเซอร์ อยากให้แจ้งความผ่านผู้บังคับบัญชาโดยตรง เรามองว่าเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด การรับแจ้งความต้องผ่านเจ้านายมันไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือพนักงานสอบสวนขาดแคลนมาก ต่อให้แจ้งความมา 100 เรื่อง แล้วใครทำ คนทำคือพนักงานสอบสวนอยู่ดี ทุกโรงพักขาดแคลน อย่างโรงพักเรามีพนักงานสอบสวน 3 คน เข้าเวรกันอยู่แค่ 3 คน สิ่งนี้คือปัญหา คนทำก็ทำไป คนไปไหนไม่ได้ก็ทำไป คนหนีงานก็หนีไปคะ”

        ผู้กองอุ้มบอกถึงสภาพการทำงานอีกว่า”เดี่ยวนี้แจ้งความออนไลน์โทร 1441 แป๊ปเดียวประสานอายัดบัญชีได้แล้ว แต่สุดท้ายพนักงานสอบสวนโรงพัก ถูกบี้ให้ไปออกหมายจับ ถูกบี้ให้ชี้แจงว่าเรื่องนี้ถึงไหน แต่ไม่เคยมีคนทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง พนักงานสอบสวนไม่เจ๊งก็เจ๊า เป็นงานที่โดดเดี่ยว ไม่มีคนเหลียวแล เพราะไม่ได้สร้างชื่อเสียงไม่มีความดีความชอบ ไม่ได้สร้างชื่อเสียงให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นาย(บางคน)มองว่างานสอบสวนสร้างแต่ปัญหา มีแต่เรื่องร้องเรียน  แต่มันคือหัวใจหลักของโรงพักค่ะ”

      เสียงนี้บ่งบอกได้ว่าผู้บังคับบัญชาไม่ค่อยจะให้ความสนใจเท่าที่ควร เพราะไม่สร้างชื่อและหาประโยชน์ลำบาก คำว่าต้นธารความยุติธรรม คงแค่ประดิษฐ์คำให้ดูดีเท่านั้นแต่เนื้อในกลวงโบ๋ คลิปนี้ปล่อยมาตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์  แต่คงไม่ดังพอที่จะถึงหูของผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และนายกรัฐมนตรี เพราะสภาพการทำงานของพนักงานสอบสวนยังเหมือนเดิม กำลังพลขาดแคลนก็ยังขาดแคลนเหมือนเดิม
ยิ่งไปส่องถึงผลตอบแทนกับงานที่ต้องผจญ อย่าง รองสารวัตรเงินเดือน บวกเงินประจำตำแหน่งราว 25,000-30,000 บาท เงินค่าทำสำนวนคดีละ 500-1,500 บาท เงินค่าชันสูตรศพละ 1,200 บาท พอยาไส้เท่านั้นเพราะยังต้องมีค่าจ่ายๆเกี่ยวกับพยาน ค่าเดินทางไปสอบปากคำเบิกได้บ้างไม่ได้บ้าง งานธุระการ งานสืบสวน งานป้องกันปราบปราม งานจราจร หน้างานสากเบือ ยันเรือรบ  ล้วนหน้างานตำรวจ เอาเนื้องานตำรวจ ไปเปรียบเทียบ กับ อัยการ ศาลยุติธรรม เนื้องาน เนื้อเงินเดือน ฟ้ากับเหว  แต่ถ้าเจอนายขอหักหัวคิว คงไม่พอ

       หากนำไปเปรียบเทียบกับหน่วยงานในสายเดียวกันอย่างอัยการ ในระดับปฏิบัติเหมือนกัน จะพบว่า อัยการจังหวัดและอัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด อัยการระดับ 4 เงินเดือน 74,360-75,560 บาท เงินประจำตำแหน่ง 30,000-40,000 บาท   อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุดและรองอัยการจังหวัด อัยการชั้น 3 เงินเดือน 37,110-73,240 บาท เงินประจำตำแหน่ง 23,300-29,000 บาท อัยการประจำกองและอัยการผู้ช่วย อัยการชั้น 2 เงินเดือน 30,000-34,210 บาท เงินประจำตำแหน่ง 20,000 บาท อัยการผู้ช่วยเงินเดิน 25,000-26,930 บาทเงินประจำตำแหน่ง 10,000 บาท

       เมื่อเทียบกันแล้วจะพบว่าอัยการสูงกว่า ยิ่งเทียบเนื้องานพนักงานสอบสวนจะรับแบบเต็ม เพราะอัยการสำนวนแล้วไปตรวจสอบเพื่อสมบูรณ์ หากไม่สมบรูณ์สั่งให้พนักงานสอบสวนสอบเพิ่มเติม ขณะที่เนื้องานของพนักงานสอบสวนมีจิปาถะ เริ่มตั้งแต่เข้าเวรรับคดีไม่มีวันหยุดเหมือนข้าราชการทั่วไป ออกเวรจะต้องมานั่งปั่นสำนวนนัดพยานสอบปากคำ สอบผู้ต้องหา นำผู้ต้องหาไปฝากขังศาล หากคดีเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลต้องหาทางคุ้มครองพยานอีกต่างหากบางจังหวะต้องควักเงินส่วนตัวเพื่อให้งานรุดหน้า
         ที่”ประดูแดง”ยกมาเขียนถึงเพียงเพื่อจะสื่อสารถึงบรรดาผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี ว่างานสอบสวนที่ผู้กองอุ้มบอกว่าหัวใจหลักของโรงพัก อยู่ในขั้นวิกฤต บ่อยครั้งที่ประชาชนขึ้นโรงพักหวังพึ่งพาต้องพกความผิดหวังกลับไป งอยากให้ผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องทั้งหลายเร่งหาช่องทางแก้ไขโดยด่วน  
        การยกเครื่องงานสอบสวนทำได้ง่ายกว่าการคิดจะปฏิรูปตำรวจเสียอีก เพราะทำได้ทันทีโดยเฉพาะการเสริมกำลังพล ส่วนเงินค่าตอบแทนทำได้ไม่อยากเช่นกัน ระยะแรกขออนุมัติงบฯกลางจากรัฐบาลไปก่อน จากนั้นค่อยดำเนินการออกกฎหมายเพิ่มแบบถาวร คิดว่าไม่เกินความสามารถของนายกฯและรักษาการผบ.ตร.ถ้าคิดจะทำ !!!