กรมวิชาการเกษตรลุยปราบปุ๋ยเคมีเถื่อนออนไลน์
นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ตามที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ ได้ประกาศสงครามกับสินค้าเกษตรเถื่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าที่เป็นปัจจัยการผลิตทางการเกษตร จึงมีมาตรการมุ่งปราบปรามอย่างจริงจัง เพื่อปกป้องผู้บริโภค และเกษตรกร รวมถึงเข้มงวดการใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตร พร้อมดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดนั้น เบื้องต้น นายภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร แจ้งว่าสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 5 จ.ชัยนาท (สวพ.5) ร่วมกับตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคุ้มครองผู้บริโภค (กก.2บก.ปคบ.) พบข้อมูลจากการขายในเฟชบุ๊ก จึงวางแผนล่อซื้อปุ๋ยเคมีไม่มีฉลาก ในพื้นที่ ต.ห้วยบง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี ตรวจสอบพบปุ๋ยเคมีที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่มิได้ขึ้นทะเบียน 40 กระสอบ หนัก 2,000 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่จึงจัดเก็บตัวอย่างไว้ 1 รายการ และอายัดของกลางทั้งหมด
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทราบว่า มีโรงงานผลิตปุ๋ยเคมี ในพื้นที่ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี จึงประสานให้สารวัตรเกษตรศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกาญจนบุรี เข้าตรวจสอบสถานที่ดังกล่าวพบเครื่องมือสำหรับการผลิตปุ๋ย แต่ไม่พบใบอนุญาตผลิตปุ๋ยเคมี จึงอายัดเครื่องมือสำหรับการผลิตปุ๋ย 9 รายการ และวัสดุการเกษตรตั้งต้นในการผลิต 10 รายการ ตามความผิด พ.ร.บ.ปุ๋ย พ.ศ.2518
นายภัสชญภณ กล่าวว่า ต่อมาในวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตร สวพ.5 เจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตรของศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครปฐม และเจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตรของสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร ร่วมกับตำรวจกอง กก.2บก.ปคบ. สอบขยายผลแหล่งที่มาของปุ๋ยเคมีที่นำมาใช้ในการผลิตปุ๋ยเถื่อนดังกล่าว ก่อนนำกำลังเข้าตรวจสอบสถานที่เก็บปุ๋ยในพื้นที่ ต.ทุ่งลูกนก อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม พบปุ๋ยเคมีสูตร 0-0-60 ที่ต้องสงสัยว่าเป็นปุ๋ยเคมีที่ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด 2,208 กระสอบ น้ำหนัก 110,400 กิโลกรัม จึงจัดเก็บตัวอย่าง 1 รายการ และอายัดของกลางไว้ทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าของกลาง 1.7 ล้านบาท แจ้งข้อหาตามพ.ร.บ.ปุ๋ย พ.ศ.2518 หากเกษตรกรหรือผู้ที่ทราบเบาะแสการกระทำผิดดังกล่าวขอให้แจ้งได้ที่สายด่วน 1174
#Thaitabloid#สำนักข่าวไทยแทบลอยด์#กรมวิชาการเกษตร