“ทสท.” ให้รัฐบาลทบทวน “ดิจิทัลวอลเล็ท” ชี้ได้ไม่คุ้มเสีย

272

“วรวุฒิ ไทยสร้างไทย” จี้รัฐฯทบทวน โครงการแจกเงินหมื่น ชี้ ไม่ตอบโจทย์ พี่น้องประชาชน ร้านค้าไม่สนใจร่วมโครงการ แนะตั้งกองทุนเครดิตประชาชน เปิดโอกาสคนตัวเล็กเข้าถึงแหล่งทุน เพื่อสร้างงาน สร้างเงินอย่างยั่งยืน

นายวรวุฒิ โตวิรัตน์ รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า จากเงื่อนไขดิจิทัลวอลเล็ท ซึ่ง รัฐบาลแถลงรายละเอียดโดยกำหนดเงื่อนไขว่า ประชาชนที่สามารถเข้าโครงการได้ คือผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไป มีรายได้ไม่เกิน 840,000 บาท ต่อปี มีเงินฝากไม่เกิน 5 แสนบาท ส่วนร้านค้าต้องอยู่ในระบบภาษีฯ และยังไม่สามารถเบิกเงินในรอบแรกแต่ต้องไปใช้จ่ายก่อน ซึ่งไม่ตรงกับการประกาศ “นโยบายเรือธง” ที่ได้หาเสียงในช่วงแรก ที่ระบุชัดเจนว่า ทุกคนที่มีอายุเกิน 16 ปีขึ้นไปจะได้รับเงินดิจิทัลวอลเล็ท 10,000 บาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน

หลังจากพยายามผลักดันนโยบายเงินดิจิทัลให้เกิดขึ้น ก็มีเสียงคัดค้านเพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆ ซึ่งผู้คัดค้านล้วนแต่เป็นระดับที่เป็นนักวิชาการชั้นนำ หรือแม้แต่อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย รองผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยหลายคนมีความเห็นคัดค้านตรงกันคือ ’ได้ไม่คุ้มเสีย‘ และฟันธงว่าจะทำให้เกิด ’หนี้เพิ่ม‘ กระทบกับเงินงบประมาณสำหรับใช้ในโครงการลงทุนที่จำเป็นของประเทศ และที่สำคัญที่สุด คือการที่รัฐบาลไม่สามารถดำเนินนโยบายได้ตามที่พี่น้องประชาชนคาดหวังจากคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้

นายวรวุฒิ กล่าวต่อว่า เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่กับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เพื่อพูดคุยกับผู้ค้าที่อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ พบว่ามีสะท้อนเป็นในทิศทางเดียวกันว่า โครงการของรัฐบาล ที่จะแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทอยากให้แจกเป็นเงินสด เพราะสามารถจับจ่ายสินค้า จากผู้ค้าในระดับรากหญ้าได้ จะเกิดการหมุนเวียนลงไปถึงคนระดับล่างอย่างแท้จริง

ที่สำคัญวิธีการใช้จ่ายเงิน ที่กำหนดให้ใช้จ่ายเงินรอบที่ 1 ระหว่างประชาชนกับร้านค้าขนาดเล็ก และรอบที่ 2 ขึ้นไป ให้เป็นการใช้จ่ายระหว่างร้านค้ากับร้านค้าโดยไม่จำกัดขนาดร้านค้า จัดเป็นปัญหาใหญ่สำหรับร้านค้าขนาดเล็ก โดยเฉพาะตามตลาดสดที่ได้ไปพูดคุยมา เพราะส่วนใหญ่พ่อค้าแม่ขายจะใช้เงินสดวันต่อวัน เมื่อค้าขายหมด ก็ต้องเตรียมของมาขายใหม่ในวันถัดไปทันที

“ตนมองว่านโยบายดิจิทัลวอลเล็ท 10,000 บาทจะไม่อาจประสบความสำเร็จ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่รัฐฯวางเป้าหมาย อย่างแน่นอน ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตั้งแต่รากหญ้า และจะไม่ทำให้เกิดการหมุนเวียนเงินได้มากพอที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น แต่คนที่จะได้ประโยชน์สูงสุด อาจเป็นเจ้าสัวเพียงไม่กี่ราย ที่มีร้านค้าปลีก อยู่ทุกชุมชน”

ขอเรียกร้องให้รัฐบาล พิจารณาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ และมองนโยบายของพรรคไทยสร้างไทย ที่สามารถนำมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง ตั้งแต่ระดับรากหญ้า และเกิดการหมุนเวียนของเงินได้ดีเป็นพายุหมุนตามวัตถุประสงค์ที่รัฐฯต้องการ อย่าง ’กองทุนเครดิตประชาชน‘ โดยประชาชนทุกคนมีเครดิตตั้งแต่ 10,000 บาทจนถึง 100,000 บาทเพื่อเป็นทุนตั้งตัวไปตลอดชีวิต

โดยรัฐฯให้กู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยต่ำไม่เกินร้อยละ 1 ต่อเดือน ซึ่งนโยบายนี้จะทำให้คนยากจนเข้าถึงแหล่งทุนและสามารถสร้างอาชีพสร้างรายได้อย่างมั่นคง ต่างจากนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000บาท ของรัฐบาล เพราะไม่ต้องใช้เงินมหาศาลถึง 500,000 ล้านบาท แต่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจจากฐานราก ให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง