สำนักงานตำรวจแห่งชาติสรุปผลการปฏิบัติและปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2567 ภาพรวมอุบัติเหตุลดลง 7.22% พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง และขอบคุณประชาชนที่เป็นส่วนสำคัญทำให้อุบัติเหตุลดลง
วันนี้ (18 เมษายน 2567) เวลา 13.30 น. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นประธานการประชุมและแถลงปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2567 ณ ห้องประชุม ศปก.ตร. ชั้น 20 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยศูนย์ดังกล่าวได้มีการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 10 – 18 เมษายน 2567 ในการขับเคลื่อนบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนนทุกมิติ ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมายและสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนน
โดยการอำนวยความสะดวกและจัดการจราจรช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา มีการจัดกำลังตำรวจกว่า 30,000 นาย ดูแลการจราจรตลอด 7 วัน มีปริมาณรถเข้า-ออกจากกรุงเทพมหานคร บนทางหลวงสายหลักและมอเตอร์เวย์ จำนวน 6,882,802 คัน (ออกจาก กทม. จำนวน 3,469,720 คัน และเข้า กทม. จำนวน 3,413,082 คัน) วันที่ประชาชนเดินทางออกจากกรุงเทพมหานคร มากที่สุดคือ วันที่ 12 เมษายน 2567 วันที่ประชาชนเดินทางเข้ากรุงเทพมหานครมากที่สุดคือ วันที่ 17 เมษายน 2567
มีการเปิดช่องทางพิเศษ (Reversible Lane) จำนวน 108 ครั้ง (ระบายรถขาออก 63 ครั้ง / ขาเข้า 45 ครั้ง) ,รถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ที่ขออนุญาตเดินรถในช่วงเวลาห้าม ผ่านระบบออนไลน์ จำนวน 36,423 คัน อนุญาตให้เดินรถได้ 35,632 คัน รถที่ได้รับอนุญาตมากที่สุดคือ รถบรรทุกน้ำมันหรือแก๊ส รองลงมาคือรถบรรทุกอาหาร เครื่องอุปโภค บริโภค มีรถที่ไม่ได้รับอนุญาตจำนวน 791 คัน และพบผู้ฝ่าฝืนเดินรถในเวลาห้าม จำนวน 785 ราย เนื่องจากเป็นสาเหตุให้การจราจรติดขัด
สำหรับการบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก มีการตั้งจุดตรวจทุกวันเพื่อบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืนทั่วประเทศ แบ่งเป็น จุดกวดขันวินัยจราจร 11,883 จุด, จุดตรวจแอลกอฮอล์ 7,953 จุด พบผู้ที่ฝ่าฝืนทั้งสิ้น 281,602 ราย ข้อหาขับรถในขณะเมาสุรา 21,670 ราย ข้อหาไม่สวมหมวกนิรภัย 31,234 ราย และข้อหาขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด จำนวน 119,816 ราย โดย 10 ข้อหาหลักนี้ จะก่อให้เกิดอันตรายอย่างยิ่งต่อผู้ใช้รถใช้ถนนรายอื่น จึงจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด
ส่วนการป้องกันและลดอุบัติเหตุ รัฐบาลกำหนดค่าเป้าหมายให้จำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บ ต้องลดลงไม่น้อยกว่า 5% เมื่อเทียบกับสถิติในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง (สงกรานต์ 2564-2566) โดยการเกิดอุบัติเหตุ 7 วันของเทศกาลสงกรานต์ 2567 เกิดจำนวน 2,044 ครั้ง ลดลงจำนวน 159 ครั้ง (ลดลง 7.22%) จำนวนผู้เสียชีวิต มีจำนวน 287 ราย เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 23 ราย (เพิ่มขึ้น 8.71%) จำนวนผู้บาดเจ็บ มีจำนวน 2,060 คน ลดลง 148 คน (ลดลง 6.7%) และการดำเนินคดีข้อหาเมาขับซ้ำสอง มีจำนวน 96 ราย
พล.ต.ท.กรไชยฯ กล่าวว่า การอำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน เทศกาลสงกรานต์ 2567 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นไปตามนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. ที่ต้องการให้ตำรวจอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชนเดินทางโดยสวัสดิภาพ ลดอุบัติเหตุ และการเสียชีวิตให้ได้มากที่สุด โดยจากสถิติพบว่าปีนี้การเกิดอุบัติเหตุลดลงมากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ โดยลดลงถึง 7.22% แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนในการดูแลตนเอง คนรอบข้าง และสังคม มีวินัยจราจร ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้อุบัติเหตุทางถนนลดลง นอกจากนี้ ขอขอบคุณข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ และเจ้าหน้าที่ภาคีเครือข่ายต่างๆ ที่ร่วมแรงร่วมใจปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกการจราจร และดูแลผู้ใช้ทางอย่างเต็มกำลังความสามารถตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการสรุปข้อมูล วิเคราะห์สภาพปัญหาและถอดบทเรียน ปัญหาการปฏิบัติทุกๆ ด้าน เพื่อเตรียมความพร้อมในช่วงเทศกาลสำคัญต่อไป
พล.ต.ท.กรไชย กล่าวเพิ่มเติมว่าตำรวจมีการบูรณาการทำงานร่วมกันกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในการอำนวยความสะดวกการเดินทางทุกเส้นทางได้เป็นอย่างดี ทั้งการเปิดช่องทางพิเศษ การตั้งจุดตรวจอำนวยความสะดวก ส่วนอุบัติเหตุที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตสะสมเพิ่มขึ้นประมาณ 20 ราย มากกว่าปีที่แล้ว แต่ปีที่แล้วยังมีสถานการณ์โควิด19 การจัดรื่นเริงหรืองานสงกรานต์ไม่เยอะเหมือนปีนี้ ที่ทุกจังหวัดมีการจัดงานและเชิญชวนให้ออกมาท่องเที่ยวจึงมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมากขึ้น โดยพื้นที่ที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดเมื่อเทียบกับปีที่แล้วคือตำรวจภูธรภาค9เทียบกับปีที่แล้วที่เกิดน้อยกว่า เพราเป็นช่วงที่ภาคใต้ถือศีลอด ไม่มีคนออกมาแต่ปีนี้คนออกมาท่องเที่ยวกันเยอะ
ส่วนที่มีการเร่งรัดการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้กับข้าราชการตำรวจที่ปฎิบัติหน้าที่ช่วงเทศกาลนั้น ตนเองกับ พล.ต.ท.ภาคภูมิพิพัฒน์ฯ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำเสมอภายใน2อาทิตย์ต้องเรียบร้อย ตนเองไม่อยากคาดโทษ เพราะการคาดโทษคือการไม่ไว้ใจ และตนเชื่อว่าใจนายตำรวจระดับผู้บัญชาการและผู้บังคับการอีกทั้งหากพื้นที่ใดมีเรื่องร้องเรียนว่าไม่ได้เบี้ยเลี้ยงหรือได้ไม่ครบ ไม่จำเป็นต้องคาดโทษเพราะมีโทษอยู่แล้ว ผู้บังคับบัญชาทุกนายรู้อยู่แล้วและเบี้ยเลี้ยงเป็นสิ่งที่ผู้ใต้บังคับบัญชาพึงได้
พล.ต.ท.กรไชย ระบุว่าอุบัติเหตุหรือปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงเทศกาลทุกครั้งตำรวจมีการประเมินสรุป วิเคราะห์และนำไปถอดบทเรียนทุกครั้ง โดยในปีนี้ยอมรับว่าประชาชนและนักท่องเที่ยวออกมาร่วมกิจกรรมกันเยอะเพราะโควิดไม่มี ส่วนใหญ่กล้าออกมาท่องเที่ยวอย่างสบายใจ ไม่ว่าจะเป็นถนนข้าวสารถนนสีลม ที่มีคนเรือนหมื่นเรือนแสน ต่างจากปีที่ผ่านมาเยอะมาก ย้ำว่าส่วนตัวพอใจภาพรวมการท่องเที่ยวและการควบคุมอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ เพราะสถิติตัวเลขมีความผกผันไปตามจำนวนคนและจำนวนรถรวมถึงพื้นที่จัดงานที่เกิดขึ้นแต่ละพื้นที่จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อุบัติเหตุจะเพิ่มมากขึ้น
ส่วนการป้องกันเกี่ยวกับตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฎิบัติหน้าที่ มองว่าในการทำงานบนท้องถนนมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลหรือวันธรรมดา ดังนั้นทุกคนต้องระวังตัวเอง และขอร้องไปยังผู้ใช้รถใช้ถนนช่วยรักษาวินัยจราจรด้วยเพราะตำรวจฝ่ายเดียวคงทำไม่ได้ แต่หากทุกคนมีวินัยปัญหาอุบัติเหตุก็ไม่เกิดการสูญเสียก็จะไม่มี ส่วนอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆในการทำงานเพื่อช่วยลดอุบัติเหตุมีอยู่แล้วเป็นสิ่งที่ ตร.ให้ความสำคัญ เพราะยิ่งมีอุปกรณ์ที่ดีความปลอดภัยก็สูงตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.กรไชย ยังระบุว่า นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฎิบัติงานในช่วงสกรานต์ที่ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการจัดการจราจรให้มีความคล่องตัวไม่มีปัญหาข้อขัดข้อง พร้อมขอให้ปฎิบัติหน้าที่อย่างดีแบบนี้ต่อไป