สตม.แถลงรวบต่างชาติลักลอบส่งออกยาเสพติด Over stay-แก๊งผิวสีหลอกขายทองคำ !!

594

สตม.แถลงรวบสามีภรรยาหัวใสส่งออกกัญชาพบอยู่เกิน9ปี -​หนุ่มแดนโสมส่งยาเสพติดออกนอกประเทศ อยู่เกิน11 ปี ขณะแก๊งผิวสีหลอกขายทองคำอาศัยทีเผลอแอบสลับเงินปลอม กว่า 1.1 ล้านบาท

ตามนโยบายของ สานักงานตารวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สานักงานตารวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้ง ให้ดาเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะท่ีพานักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทาผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทาให้เกิด ความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทย เป็นฐานในการกระทาความผิด
ภายใต้การอานวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักด์ิ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ปริญญา กลิ่นเกษร รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สส.บก.ตม.1, พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสาคัญ ดังนี้

(1) สตม. ตามเช็คบิลสามีภรรยาฟิลิปปินส์หัวใสลอบส่งออกกัญชา พบอยู่เกินคนละกว่า 9 ปี

กก.สส.บก.ตม.1 จับกุมนายโจ (นามสมมติ) อายุ 35 ปี สัญชาติฟิลิปปินส์ และนางแมรี่ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี สัญชาติฟิลิปปินส์ โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตส้ินสุด นาตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ประเวศ ดาเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ทาวน์โฮมย่านซอยอ่อนนุช 65 แยก 14 แขวงประเวศ เขตประเวศ
กรุงเทพฯ

สืบเนื่องจากเมื่อประมาณต้นปี 2567 ชุดสืบสวน กก.สส.บก.ตม.1 ได้รับการประสานข้อมูลอย่างไม่เป็น ทางการจากหน่วยงานความมั่นคงประเทศฟิลิปปินส์ เกี่ยวกับการจับกุมกัญชาอบแห้งล็อตใหญ่ บรรจุอยู่ในลังพัสดุซีน แน่นหนา น้าหนักรวมกว่า 10 กิโลกรัม ซึ่งถูกตรวจพบโดยสานักงานศุลกากร ในประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อปลายเดือน ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งสาหรับกัญชาอบแห้งนั้น ยังเป็นส่ิงผิดกฎหมายในประเทศฟิลิปปินส์ ทาให้ผลกาไรตอบแทนจากการ ส่งกัญชาจากประเทศไทยไปยังกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์นั้นมีมูลค่าสูงมาก โดย standard street price ของกัญชา ดังกล่าวเมื่อถูกลาเลียงถึงประเทศฟิลิปปินส์จะมีมูลค่ามากถึง 1,200 เปโซต่อกรัม หรือประมาณ กรัมละ 975 บาท (รวมมูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท) ซึ่งต้นทางของกัญชาที่ถูกตรวจยึดดังกล่าวมาจากบริษัทขนส่งพัสดุแห่งหนึ่ง ในกรุงเทพฯ ซ่ึงตั้งอยู่ในย่านท่ีมีชาวฟิลิปปินส์พักอาศัยอยู่มาก ชุดสืบสวนจึงได้เริ่มลงพ้ืนที่หาข่าวเกี่ยวกับบริษัทขนส่งในบริเวณ ดังกล่าวเรื่อยมา
ต่อมาในช่วงเดือน มี.ค.2567 กก.สส.บก.ตม.1 ได้ข้อมูลผู้นาส่งพัสดุล็อตดังกล่าว คือนายโจ (นามสมมติ) และ นางแมรี่ (นามสมมติ) สองสามีภรรยาชาวฟิลิปปินส์ เมื่อตรวจสอบข้อมูลผ่านระบบไบโอเมตริกซ์แล้วพบว่าทั้ง 2 ราย อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตส้ินสุดแล้วกว่า 9 ปี (3,198 วัน และ 3,669 วัน ตามลาดับ) จึงได้สืบสวนหา ที่พักอาศัยของคนต่างด้าวดังกล่าว จนกระท่ังทราบว่าทั้ง 2 ราย พักอาศัยอยู่ในทาวน์โฮมในย่านซอยอ่อนนุช 65 แยก 14 แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ โดยเพิ่งย้ายมาเช่าบ้านดังกล่าวอยู่ได้ไม่ถึง 3 สัปดาห์ ค่าเช่าเดือนละ 30,000 บาท จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อพบตัวจึงได้จับกุมดาเนินคดีในข้อหาดังกล่าว นอกจากนี้ คนต่างด้าวทั้ง 2 ราย จะต้องถูก สตม. ขึ้นบัญชีรายชื่อเป็นบุคคลต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นเวลานานถึง 10 ปี ตามคาสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 1/2558 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2558 เรื่อง การไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวบางจาพวกเข้ามาในราชอาณาจักร

(2) รวบหนุ่มแดนโสมส่งยาเสพติดออกนอกประเทศ overstay 11 ปี โรงแรมย่านสุขุมวิทซอย 3 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ


บก.สส.สตม. ได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานงานตารวจสากลสาธารณรัฐเกาหลีใต้ประจากองการต่างประเทศ สานักงานตารวจแห่งชาติ ว่าได้รับแจ้งจากสายลับมีชายชาวเกาหลีไต้ ก่อเหตุลักโทรทัศน์ใน คอนโดมิเนียมที่ชายชาวเกาหลีไต้นั้นเช่าพักอาศัยแล้วนาไปขาย เมื่อเจ้าของห้องทราบเรื่อง ชายชาวเกาหลีไต้นั้นได้ปีน กาแพงหลบหนี โดยผู้เสียหายได้ไปแจ้งความไว้แล้วที่ สน.พระโขนง จึงได้ทาการสืบสวนพบว่าชายชาวเกาหลีใต้ราย ดังกล่าวคือ นายลี ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดลงแล้วเป็นเวลา 4,004 วัน และเข้าพักอาศัยอยู่ที่ โรงแรมย่านสุขุมวิท ซอย 3 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ จึงไปตรวจสอบ โดยได้รับแจ้งจากพนักงานของ โรงแรมว่ามีชายชาวเกาหลีใต้เข้ามาพักแต่ไม่ได้ใช้ชื่อนายลี เจ้าหน้าที่ตารวจชุดจับกุมจึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าชายชาวเกาหลีใต้คนดังกล่าวคือนายลี จึงเข้าตรวจสอบและจับกุมนายลีดาเนินคดีในข้อหาดังกล่าว

จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า นายลี เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของทางการเกาหลีใต้ในความผิดฐาน “ขนส่งยาเสพติดข้ามชาติ” โดยได้ขนส่งยาเสพติดจานวน 500 กรัม เข้าสู้ประเทศเกาหลีใต้ ผ่านทางกล่องพัสดุ และยัง เป็นภัยความมั่นคงต่อสาธารณรัฐเกาหลีใต้ และเป็นบุคคลที่องค์การตารวจสากลได้ออกประกาศสีแดง (INTERPOL Red Notice) อีกด้วย

(3) สืบ ตม. ตะครุบแก๊งผิวสีหลอกขายทองคำอาศัยทีเผลอแอบสลับเงินปลอม กว่า 1.2 ล้านบาท

กก.1 บก.สส.สตม. จับกุมและเพิกถอนวีซ่า นายคานู (นามสมมติ) อายุ 42 ปี สัญชาติเซียร์ราลีโอน ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.129/2567 ลงวันที่ 5 ก.พ.2567 ต้องหาว่ากระทาความผิดฐาน ลักทรัพย์ โดยร่วมกระทาความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป นาตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ดาเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม คอนโดย่าน อโศก – รัชดา (พระรามเก้า) ถ.อโศกดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ พร้อมกับ เพิกถอนวีซ่าของนายซีเซ่ (นามสมมติ) อายุ 32 ปี สัญชาติไลบีเรีย ดาเนินการตามกฎหมาย

กก.1 บก.สส.สตม. ได้ตรวจพบสกู๊ปข่าว “เข้มข่าวค่า” ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ PPTV และสกู๊ปข่าว “สนามข่าว เสาร์-อาทิตย์” ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 7HD นาเสนอข่าวเกี่ยวกับมีผู้เสียหายร้องเรียนว่า ถูกแก๊งคนต่างชาติชาวผิวสีหลอกให้ลงทุนซื้อขายทองคา แล้วถูกแอบสลับเงินนาธนบัตรดอลลาร์สหรัฐปลอมมาแทน สูญเงินกว่า 1.1 ล้านบาท จึงได้ประสานขอข้อมูลจากผู้เสียหาย เพื่อสืบสวนติดตามจับกุมแก๊งผิวสีและช่วยเหลือ ผู้เสียหาย โดยทราบว่าคดีนี้เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2567 ผู้เสียหายและเพื่อนได้มีการติดต่อซื้อขายทองคากับ ชายชาวผิวสี ทราบชื่อภายหลังคือนายเควินและนายซีเซ่ โดยนายซีเซ่ แจ้งว่ามีทองคาเม็ดเล็ก ๆ ต้องการจะขายให้กับ ผู้เสียหาย ต่อมาเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2567 ผู้เสียหายพร้อมด้วยสามีผู้เสียหาย และเพื่อนหญิงชาวไทย ได้ขอนาเม็ด ทองไปตรวจสอบ โดยนายเควิน นายซีเซ่ และนายคานู (ทราบชื่อภายหลัง) ร่วมไปด้วย โดยนายคานูได้ให้เม็ดทองมา จานวน 15 เม็ด เพื่อนาไปตรวจสอบที่โรงหลอมทอง ผลปรากฏว่าเป็นทองคาจริง ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อตกลงร่วมลงทุน

กก.4 บก.สส.สตม. จับกุมนายลี (นามสมมติ) อายุ 42 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าว อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นาตัวส่ง พนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดาเนินคดีตามกฎหมาย ซื้อขายทองคา โดยตกลงซื้อขายกันที่ กก. ละ 34,700 ดอลลาร์สหรัฐ ผู้เสียหายจึงได้ไปแลกเงินเพื่อเตรียมซื้อขาย ต่อมา เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2567 ได้นัดกันไปทาการส่งมอบเม็ดทองที่โรงแรมย่านสุขุมวิท 11 โดยได้แบ่งเงินไว้ที่ผู้เสียหาย จานวน 3,500 ดอลลาร์สหรัฐเพื่อเป็นค่านายหน้าให้กับผู้แนะนา ส่วนสามีผู้เสียหายได้นาเงิน จานวน 31,200 ดอลลาร์ สหรัฐ ไปให้นายคานูตรวจนับภายในห้องที่เกิดเหตุ โดยผู้เสียหายขอให้นาเม็ดทองทั้งหมดไปตรวจสอบก่อน จึงจะมอบ เงินให้ นายเควิน และนายคานู จึงทาท่าทีไม่พอใจและพูดจาโต้เถียงกับสามีผู้เสียหาย จนกระทั่งสามีผู้เสียหายเผลอ จึงได้แอบสับเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐปลอมที่เตรียมมากับเงินดอลลาร์สหรัฐจริงของผู้เสียหาย โดยสามีผู้เสียหายไม่ทัน รู้ตัว จากนั้นจึงทาทียอมไปตรวจสอบเม็ดทองที่โรงหลอมก่อน สามีผู้เสียหายจึงได้เก็บเงินดอลลาร์สหรัฐที่ถูกสับเปลี่ยน ไปแล้วใส่กระเป๋าสะพาย แล้วพากันไปขึ้นรถของผู้เสียหาย เมื่อขับรถออกไปได้สักระยะ นายเควิน และนายคานู ออกอุบาย ขอลงจากรถเพื่อไปซื้อกาแฟแล้วได้หายตัวไป กลุ่มผู้เสียหายจึงเริ่มสงสัยและได้นาเงินดอลลาร์สหรัฐที่ถูกสับเปลี่ยนแล้ว ไปแลกที่ซุปเปอร์ริช จึงทราบว่าเงินทั้งหมดเป็นเงินปลอม จึงได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาตามภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด ในความผิดฐาน ลักทรัพย์ โดยร่วม กระทาความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป จานวน 2 ราย กก.1 บก.สส.สตม.จึงได้ทาการสืบสวนจนพบว่าผู้ต้องหาตาม หมายจับทั้ง 2 ราย คือนายเควิน และนายคานู และได้ทราบว่ามีนายซีเซ่ ร่วมขบวนการด้วย กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้ เร่งทาการสืบสวนติดตามจับกุม จนสามารถจับกุมนายคานู และนายซีเซ่ ได้นาตัวส่ง พนักงานสอบสวน .สน.ลุมพินี และ เพิกถอนวีซ่าดังกล่าว ส่วนนายเควิน ได้หลบหนีออกนอกประเทศไทยไปก่อนหน้านี้แล้ว

จากการสอบถามนายคานู ให้การยอมรับว่า ได้ร่วมกันกับ นายซีเซ่ และนายเควิน เพื่อนชาวผิวสี ชักชวน หลอกลวงให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนซื้อขายทองคาจริง หลังจากได้เงินดอลลาร์จากผู้เสียหายแล้ว ได้นาเงินมาแบ่งเท่า ๆ กัน

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทาความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทาความผิด กรุณาแจ้งมายัง สานักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิม พระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #สตม