นับแต่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) นั่งรักษาราชการแทนผบ.ตร.ทำให้นึกถึงวรรคทองของ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ(อ.ตร.)ที่ว่า”ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้…”
เพราะก่อนที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ จะนั่งรักษาการฯ บ่อนการพนันเปิดเล่นกันเกือบทุกพื้นที่ สถานบันเทิงผิดกฎหมายเปิดกันโจ่งครึ่ม เว็บพนันออนไลน์ รวมถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาดไปทั่ว ถึงขั้นที่ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระดมกำลังจับกุมบ่อนการพนันในพื้นที่ จ.นนทบุรี ได้นักพนันกว่า 300 ชีวิต ยึดของกลางจำนวนมาก แม้แต่นายตำรวจระดับผู้ช่วยผบ.ตร.ถึงกับบอกว่าเป็นการจับบ่อนพนันรายใหญ่ที่สุดเท่าที่จับกุมมา
หากดูจากสถานที่ตั้งบ่อนพอประเมินได้ว่าเปิดมาเป็นเวลาแรมเดือน เพราะสถานที่จัดแบ่งโซนให้นักพนันแทงกันสบายใจเฉิบ ซึ่งเป็นการจับกุมช่วงที่พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ นั่งรักษาการฯไม่กี่วัน จน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ต้องประกาศนโยบายว่าทุกพื้นที่ห้ามเปิดบ่อนการพนัน หากมีและถูกจับกุมโรงพักและผู้บังคับการจะต้องถูกลงโทษ แต่หัวหน้าโรงพักพญาไทและหัวหน้าโรงพักบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น อาจจะไม่ได้ยิน จนมีการจับกุมบ่อนในท้องที่ ถูกสั่งเด้งและตั้งกรรมการสอบสวน ส่งผลให้ในเวลานี้บ่อนการพนันปิดเกือบทุกพื้นที่
ขณะเดียวกันได้กำชับให้ผู้บัญชาการ(ผบช.) ผู้บังคับการ(ผบก.)และหัวหน้าโรงพักทุกแห่งไปกวาดบ้านตัวเองให้เรียบร้อย และให้ตำรวจสอบสวนกลางเป็นส่วนสนับสนุนในการตรวจสอบ หากพื้นที่ใดไม่สนองนโยบายอันเข้มข้น จะดำเนินการทางปกครอง พร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อนำไปประกอบการแต่งตั้งโยกย้ายตามวาระ ซึ่งได้รับการขานรับเป็นอย่างดีจากทุก บช. หลาย บช.มีการแถลงผลการจับกุมคดีอาชญากรรมต่างๆรวมถึงการผนึกกำลังตำรวจภูธรภาค 4 กับฝ่ายปกครอง 12 จังหวัดอีสานตอนบนออกตรวจสถานบันเทิงและแหล่งอบายมุขต่างๆ
ขณะเดียวกันมีการบุกจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ใน อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรมสอบสวบคดีพิเศษ ตำรวจภูธรภาค 8 และตำรวจไซเบอร์ จับกุมชาวต่างชาติ 51 คน ชาวไทย 12 คน รวม 63 คน ยึดของกลางจำนวนมากอาทิ คอมพิวเตอร์ 192 เครื่อง ซิมการ์ด(ซิมผี) 1,300 อัน เครื่องกระจายสัญญาณ 22 เครื่องและบัญชีม้า 342 เล่มเป็นต้นระหว่างจับกุมมีทูตตำรวจจีนและญี่ปุ่น ร่วมตรวจสอบการกระทำผิดเพื่อนำไปสู่การขยายผลการกระทำผิดในประเทศจีนและญี่ปุ่น
เมื่อดูองค์ประกอบของการกระทำไม่ว่าจะเป็นสถานที่เช่าโรงแรม ตึกแถวและของกลางที่ยึดได้พออนุมานได้ว่าก่อเหตุมานาน ยิ่งสืบสวนในทางลึกพบว่านักการเมืองท้องถิ่นอยู่เบื้องหลัง โดยมีพฤติกรรมคอยดูแลประสานประโยชน์ให้กับตำรวจระดับนายพลอีกต่างหาก
ผลการจับกุมครั้งนี้สามารถหยุดพฤติกรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อาละวาดในประแทศได้ระดับหนึ่ง หากจะบอกว่าเป็นการตบหน้าบิ๊กตำรวจบางคนฉาดใหญ่คงไม่เกินเลย เพราะตามรูปการคงอาละวาดมานานแต่กลับวางเฉยกัน ถ้าจะให้เครดิตว่าเป็นผลจากการกำชับของพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ที่รับนโยบายจากนายกรัฐมนตรีมาคงไม่เกินเลยนัก เมื่อประเมินจากผลการปฏิบัตินับแต่พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ นั่งรักษาการฯถือว่าสอบผ่าน สามารถกู้ศรัทธาจากประชาชนได้เป็นอย่างดี เปรียบได้กับวรรณทองของพล.ต.อ.เผ่า
แต่ท่ามกลางการทำงานที่โดดเด่น เกิดวงจรอุบาทว์วนกลับมาอีก เพราะเกิดกระข่าวสะพัดว่ามีการเจาะยาง เตะสกัดไม่ให้ พล.ต.อ.กิตติรัฐ ผงาดนั่งเจ้าสำนักปทุมวัน ได้เริ่มขึ้นแล้ว มีการปล่อยข่าวดิสเครดิตผ่านสื่อโซเซียล จัดทำคลิปขุดการทำงานในอดีตกล่าวหาว่าร่วมกับเพื่อนนายร้อยตำรวจรุ่นเดียวกันผลประโยชน์ รวมถึงร่วมเป็นกรรมการประมูลงานจัดซื้อจัดจ้างไม่โปร่งใส ถ้ามองอย่างเป็นธรรมคงบอกได้ว่านักรบย่อมมีบาดแผลบ้างเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ดังนั้นเพื่อต่อสู้กับวิชามารที่หวังสกัดไม่ให้ผงาดนั่ง ผบ.ตร. พล.ต.อ.กิตติ์รํฐ ต้องเดินหน้าทำงานผลักดันนโยบายที่ให้ไว้อย่างคงเส้นคงวาตลอดเวลาที่นั่งรักษาการฯ เพื่อเป็นต้นทุนไว้กรุยทางสู่เจ้าสำนักปทุมวันอย่างสง่างาม
แต่ถ้าทำแบบไฟไหม้ฟางอาจจะเสียท่าให้กับบิ๊กตำรวจที่ปล่อยสารพัดวิชามารออกมาเล่นงาน ก็เป็นได้ !!!