วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม 2567 เวลา 09.30 น. ณ ห้องรับรอง ชั้น 9 อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.พร้อมด้วยนายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวง และนางสุดา สุหลง รองอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ร่วมให้การต้อนรับ คุณซาราห์ นิบส์ ผู้อำนวยการองค์การเพื่อการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและเพิ่มพลังของผู้หญิงแห่งสหประชาชาติ (UN Women) สำนักงานภาคพื้นเอเชียและแปซิฟิก และหารือแนวทางความร่วมมือในการดำเนินงานร่วมกัน ในการพัฒนาเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากร อย่างครอบคลุมกับคนทุกกลุ่ม ให้มีความปลอดภัย เท่าเทียม ทั้งด้านที่อยู่อาศัย การศึกษา รวมถึงสนับสนุนคุณค่าความเป็นครอบครัว โดยร่วมมือกับภาคเอกชน ภาคประชาสังคม
UN Women มีนโยบายส่งเสริมสังคมที่เท่าเทียม อาทิ สนับสนุนบทบาทของสตรีทางเศรษฐกิจในวัยทำงาน เจนเอ๊กซ์ ได้กลับมาทำงานภายหลังคลอดบุตร ในส่วนนี้ กระทรวง พม. ให้ความสำคัญกับนโยบายส่งเสริมความสมดุลระหว่างการดูแลบุตรกับการทำงาน โดยประเทศไทยได้เห็นชอบหลักการขยายวันลาคลอดของแม่ (ข้าราชการหญิง) จากเดิมไม่เกิน 90 วัน เป็น 98 วัน
นอกจากนี้ยังมีความพยายามเสริมพลังให้กับคนทุกกลุ่ม เพื่อยกระดับความเท่าเทียมของการเกิดอย่างมีคุณภาพ ทั้งมิติด้านเศรษฐกิจและสังคม และสิทธิของกลุ่ม LGBTIQ+ ขณะเดียวกันทั้งสองฝ่ายได้หารือประเด็นการมีส่วนร่วมของสตรีในด้านกีฬา ซึ่งคำนึงถึงประเด็นอ่อนไหวทางเพศภาวะ ทั้งความปลอดภัย การป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศ
ในส่วนของการขยายผลการดำเนินงาน UN Women เชิญกระทรวง พม. เข้าร่วมการแลกเปลี่ยนบทเรียนที่ดีในการขับเคลื่อนปฏิญญาและแผนปฏิบัติการปักกิ่งเพื่อความก้าวหน้าของสตรี (Beijing Declaration and Platform for Action) และรายงานผลการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน เช่น ความเสมอภาคระหว่างเพศกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและลดความเสี่ยงจากการเกิดภัยพิบัติ ซึ่งผู้หญิงถือเป็นกลุ่มสำคัญหลักกลุ่มหนึ่งด้านส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร ที่สามารถพัฒนาเป็นแกนนำ และ อินฟลูเอนเซอร์ เพื่อขยายความรู้การใช้เชื้อเพลิงในครัวเรือน การรักษาสิ่งแวดล้อมโดยไม่เผาทำลายป่าให้กับสังคมและชุมชน
ส่วนประเด็นอื่น ๆ เป็นการพูดคุยเกี่ยวกับการขับเคลื่อนงานตามวาระสตรี สันติภาพ และความมั่นคง (Women Peace and Security: WPS) โดยวิธีปกติ และแนวทางการเสริมสร้างทักษะด้านการป้องกันการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบในระดับชุมชน เป็นต้น สุดท้าย UN Women ได้ขอบคุณกระทรวง พม. ที่เป็นภาคีสำคัญที่ดำเนินงานร่วมกันมาอย่างต่อเนื่องและยังคงมีแผนการดำเนินงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดต่อไป
