“ก้าวไกล” ดัน 3 สิทธิสตรี ลาคลอด-ทำแท้ง-ผ้าอนามัย

303

“ก้าวไกล” เดินหน้าผลักดันสิทธิเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้หญิง ยกระดับคุณภาพสังคม “สหัสวัต” ยันสิทธิลาคลอดร่างคุ้มครองแรงงานในชั้น กมธ. คนลาคลอดต้องได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย

Sol Bar Talk ครั้งที่ 31 เมื่อคืนที่ผ่านมา (8 มีนาคม) จัดวงพูดคุยเนื่องในวันสตรีสากล ภายใต้หัวข้อ “3 ก้าวต่อไปสิทธิสตรี: สิทธิลาคลอด สิทธิทำแท้ง สิทธิผ้าอนามัย” ร่วมพูดคุยโดย น.ส.ภัทราภรณ์ “เนอส” เก่งรุ่งเรืองชัย ส.ก. เขตบางซื่อ พรรคก้าวไกล, น.ส.ภัสริน รามวงศ์ สส.กรุงเทพฯ เขต 7 พรรคก้าวไกล และ นายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี เขต 7 พรรคก้าวไกล

น.ส.ภัทราภรณ์กล่าวว่า การผลักดันเรื่องสิทธิทำแท้ง เหมือนเป็นการทำงานทางความคิดเพื่อทำลายมายาคติเกี่ยวกับการทำแท้งที่มักผูกอยู่กับภาพน่ากลัว เลือดสาด เลวทราม แม้ปัจจุบันการทำแท้งเป็นเรื่องถูกกฎหมายมาแล้ว 3 ปี แต่เพราะมายาคติที่ยังมีอยู่ ทำให้หลายโรงพยาบาลไม่รับทำแท้ง ก่อนหน้านี้ตนจึงเสนอญัตติขอให้สภา กทม. ตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาแนวทางการให้บริการยุติการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัยในสถานพยาบาลสังกัด กทม. คำตอบที่เจอจากการประชุมหลายครั้ง คือเรื่องทัศนคติ แพทย์ที่ร่วมประชุมบอกว่าในทางกฎหมายไม่สามารถให้แพทย์กระทำการรักษาใดๆ ที่เขาไม่ยินยอม ซึ่งเรื่องนี้ตนเข้าใจและไม่เคยอยู่ในข้อเสนอว่าจะไปบังคับ แต่เราเสนอว่าถ้าสูตินารีแพทย์ในสังกัด กทม. ไม่อยากทำ สามารถจ้างแพทย์ภายนอกมาเป็นแพทย์ล่วงเวลาเพื่อทำได้หรือไม่ โดยใช้สิ่งอำนวยความสะดวกของโรงพยาบาล กทม. ซึ่งมีความพร้อม

ส.ก.บางซื่อกล่าวว่า มองภาพง่ายๆ คือถ้าแพทย์คนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลเอกชน ค่าใช้จ่ายในการทำแท้งจะอยู่ที่ 4,000-10,000 บาท แต่ถ้าแพทย์คนเดิมย้ายมาใช้สิ่งอำนวยความสะดวกของโรงพยาบาล กทม. ผู้เข้ารับบริการจะไม่ต้องจ่ายเลยสักบาท และได้รับการดูแลทางการแพทย์จากบุคลากรทางการแพทย์จริงๆ ลดการเสียชีวิตจากการทำแท้งได้ โดยตอนนี้เรื่องอยู่ในขั้นตอนการพูดคุยเพื่อดูว่ามีอะไรที่พอยอมรับกันได้บ้าง

ด้านน.ส.ภัสรินกล่าวถึงสิทธิเมนส์และข้อเสนอยกเลิกภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ของผ้าอนามัย ว่าปัจจุบันผ้าอนามัยเป็นสินค้าควบคุม ประเทศไทยเก็บภาษีผ้าอนามัย 7% แต่ถ้าเป็นผ้าอนามัยแบบสอดจะขึ้นราคา 30% จัดอยู่ในหมวดเครื่องสำอาง ดังนั้นหากจะยกระดับสิทธิเรื่องนี้ แนวทางที่สามารถทำได้ เช่น ไม่มี VAT เลย หรือในบางประเทศ อย่างสกอตแลนด์ซึ่งเป็นประเทศในสหราชอาณาจักร ให้ผ้าอนามัยฟรีตามหน่วยงานราชการ รถไฟฟ้า โรงพยาบาล โรงเรียน เช่นเดียวกับนิวซีแลนด์ ใช้งบประมาณจากกระทรวงศึกษาธิการเพื่อแบ่งเบาภาระครอบครัว เพราะรู้ว่านักเรียนยังไม่มีรายได้

ส่วนความเป็นไปได้ที่ภาษีผ้าอนามัยจะเป็นศูนย์ ก่อนหน้านี้ตนได้ตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ซึ่ง รมช.คลัง ก็พูดว่างบประมาณ 6,000 ล้านบาทก็ทำได้แล้ว  ดังนั้นต้องติดตามว่าเรื่องนี้ไปถึงไหนแล้ว สุดท้ายจะได้ยกเลิกหรือไม่

“สิ่งใดที่วันนี้ประเทศนี้ยังไม่เปิดประตูให้ ก็ต้องพยายามต่อไปเพื่อทำให้เป็นจริง เราอยากเห็นคนทุกกลุ่มมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี มีสวัสดิการ จึงหวังว่าพรรคการเมืองใดที่เห็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน จะเห็นด้วยกับเรา เพราะสิ่งที่เราผลักดัน ไม่ได้คงอยู่แค่ในช่วงชีวิตเราเท่านั้น แต่จะส่งต่อให้คนรุ่นหลัง ให้ประเทศนี้อีกยาวนาน” ภัสรินกล่าว

ด้านสหัสวัตกล่าวถึงสิทธิลาคลอด โดยย้อนถึงการต่อสู้ในอดีต ประเทศไทยเคยกำหนดสิทธิลาคลอด 60 วัน ต่อมามีการต่อสู้ของภาคประชาชน จนแก้ไขเป็น 98 วันจนถึงปัจจุบัน ร่างกฎหมายคุ้มครองแรงงานของพรรคก้าวไกล เสนอโดย วรรณวิภา ไม้สน สส.บัญชีรายชื่อ จึงเสนอสิ่งที่ควรเป็นหรือดีกว่าอย่างชัดเจน คือสิทธิลาคลอด 180 วัน โดยอ้างอิงจากงานวิจัยว่าเด็กควรได้รับนมแม่เป็นระยะเวลา 6 เดือน เพื่อได้รับสารอาหารครบถ้วน สร้างภูมิต้านทาน และสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างแม่กับเด็ก เพราะกฎหมายปัจจุบันที่ให้ลาได้แค่ประมาณ 3 เดือน เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กจำนวนมากไม่ได้กินนมแม่

“หลายคนบอกว่าไปปั๊มนมในที่ทำงานสิ แต่คำถามคือมีเหรอ ห้องปั๊มนมก็ไม่มีอีก และมีสถิติด้วยว่าการที่แม่กลับไปทำงานเร็วเกินไป ทำให้เครียด ส่งผลให้การผลิตน้ำนมน้อยลง เด็กจึงได้รับน้ำนมน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ” สส.ชลบุรีกล่าว

สหัสวัตกล่าวว่า ร่างกฎหมายคุ้มครองแรงงานของวรรณวิภาซึ่งผ่านวาระรับหลักการ ในชั้นกรรมาธิการ พรรคก้าวไกลจะยืนยันว่าคนลาคลอดต้องได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย คือได้รับค่าจ้าง 90 วันและสิทธิประโยชน์จากประกันสังคม 90 วัน ไม่ใช่ได้แบบกะปริดกะปรอยจนไม่พอใช้ ส่วนร่างคุ้มครองแรงงานเพื่อแก้ไขสภาพการทำงาน ที่เสนอโดยเซีย จำปาทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ซึ่งถูกปัดตกนั้น ยืนยันจะสู้ต่อ ยื่นร่างกฎหมายอีกในสมัยประชุมหน้า

#Thaitabloid #ไทยแทบลอยด์ #พรรคก้าวไกล #SolBarTalk #สิทธิสตรี #สก.เนอส #สส.กานต์ #สหัสวัตคุ้มคง