รูปแบบใหม่!จับแก๊งBig Bike ตีเนียนรับจ้างขนยาบ้า1.8ล้านเม็ด ยึดทรัพย์ 7 ล้านบาท

214

รมว.ยธ. ร่วมหน่วยภาคี แถลงจับกุมแก็งค์บิ๊กไบท์ ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือบิ๊กล็อต ตามเบาะแสร้องเรียนผ่านสายด่วน 1386
จับกุมผู้ต้องหา 6 คน รวมทรัพย์สินมูลค่ากว่า 7 ล้านบาท

วันที่ 5 มีนาคม 2567 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผู้บังคับการปราบปรามยาเสพติด 3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. พล.ต.สมจริง กอรี รอง ผบ.นบ.ยส.35/รอง ผอ.ศอ.ปส.ชน. พ.ต.อ.พัสกร ธวัชเชียงกุล ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย พ.อ.สุชาติ ไวติดต่อ หน่วยข่าวกรองทางทหาร ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก น.ท.จักรกฤษณ์ นาคเทวัญ สำนักปฏิบัติการ กรมยุทธการทหารเรือ เข้าร่วมแถลงผลปฏิบัติการสืบสวนขบวนการลำเลียงยาเสพติด ตามเบาะแสร้องเรียนผ่านสายด่วน 1386 สามารถนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาได้ 6 คน พร้อมของกลางยาบ้า 1,890,000 เม็ด ซุกซ่อนในอุปกรณ์พ่วงข้างรถจักรยานยนต์ Big Bike จำนวน 5 คัน คันละ 370,000 – 380,000 เม็ด หลังจากนั้นทำการขยายผลตรวจค้นเพิ่มเติม จำนวน 10 จุด ในพื้นที่ 4 จังหวัด (จ.ชลบุรี 5 จุด , กทม. 3 จุด, จ.สมุทรปราการ 1 จุด, จ.พิจิตร 1 จุด) จากผลการปฏิบัติการ สามารถตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน เพิ่มเติมอีก ได้แก่ รถยนต์ 2 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน รวมเป็นรถจักรยานยนต์ Big Bike 6 คัน เงินสด 49,000 บาท ทองคำน้ำหนักรวม 42 บาท อายัดเงินในบัญชีธนาคารยอดเงิน 217,000 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 7 ล้านบาท ณ สำนักงาน ป.ป.ส. (ดินแดง)

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า ปฏิบัติการดังกล่าวสืบเนื่องจาก เมื่อวันเสาร์ที่ 2 มีนาคม 2567 สำนักงาน ป.ป.ส. ได้รับแจ้งเบาะแสร้องเรียนยาเสพติดผ่านสายด่วน 1386 จากพลเมืองดีในพื้นที่ จ.เชียงราย โดยแจ้งว่า พบกลุ่มรถจักรยานยนต์ Big Bike มาพักอยู่ที่โรงแรมในพื้นที่ตัวเมือง จ.เชียงราย ขับรถเสียงดังรบกวนช่วงกลางดึก คาดว่าจะมีการรวมกลุ่มมั่วสุมเสพยาเสพติด และต้องสงสัยว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด โดยใช้การอำพรางเป็นคาราวานท่องเที่ยว ซึ่งผู้แจ้งเบาะแสพบเห็นกลุ่มรถจักรยานยนต์ Big Bike ดังกล่าว เข้ามาในพื้นที่ จ.เชียงราย เฉลี่ยเดือนละ 1-2 ครั้ง และมักจะเดินทางออกจากพื้นที่ในช่วงเวลาเช้ามืด ผิดปกติจากบุคลทั่วไป

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ฯ ได้สั่งการให้ นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด มอบหมายเจ้าหน้าที่ส่วนปฏิบัติการข่าวและปราบปรามยาเสพติด 2 (จ.เชียงราย) ร่วมกับ นบ.ยส.35, ฝขว.ศปก.ทบ., กก.สส.ภ.จว.เชียงราย, บก.ปส.3 บช.ปส., ขกท.กกล.ผาเมือง, บก.สส.ภ.5, ชุดสกัดกั้นยาเสพติด ภ.5 ชุดปฏิบัติการ ศอ.ปส.ทร และ ขกท.ศปก.ทภ.3 ปฏิบัติการสืบสวนพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงตามเบาะแสร้องเรียน โดยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการกระจายกำลังค้นหากลุ่มรถจักรยานยนต์ Big Bike ต้องสงสัย บริเวณพื้นที่ อ.เมือง จ.เชียงราย กระทั่งพบกลุ่มรถจักรยานยนต์ลักษณะตามแจ้ง จำนวน 6 คัน มีชายวัยรุ่นและชายวัยกลางคน เป็นผู้ขับขี่ รถจักรยานยนต์ Big Bike ลักษณะมีโครงเหล็กพร้อมติดตั้งกล่องบรรทุกสิ่งของ ซึ่งเป็นสิ่งบ่งชี้ต้องสงสัย เจ้าหน้าที่จึงติดตามพฤติการณ์อย่างใกล้ชิด พบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวเข้าพักที่รีสอร์ตในพื้นที่ ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย

โดยในช่วงเช้าของวันที่ 4 มีนาคม 2567 เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหา 6 คน พร้อมของกลางยาบ้า 1,890,000 เม็ด ซุกซ่อนในอุปกรณ์พ่วงข้างรถจักรยานยนต์ Big Bike จำนวน 5 คัน ซุกซ่อนยาบ้าคันละ 370,000 – 380,000 เม็ด ผู้ต้องหาให้การว่าได้รับค่าจ้างในการลำเลียงยาเสพติด รวมจำนวน 1 ล้านบาท ลำเลียงยาเสพติดมาแล้ว 3 ครั้ง และเตรียมนำยาเสพติดไปส่งในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งจากการสืบสวนเชื่อว่า ยาเสพติดลำเลียงมาจากพื้นที่กลุ่มชาติพันธุ์ ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังขยายผลปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เกี่ยวข้อง จำนวน 10 จุด ในพื้นที่ 4 จังหวัด (จ.ชลบุรี, กทม., จ.สมุทรปราการ, จ.พิจิตร) ตรวจยึดทรัพย์สินรวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 7 ล้านบาท

การจับกุมดังกล่าวถือเป็นลักษณะการกระทำความผิด (MO) รูปแบบใหม่ โดยขบวนการลำเลียงยาเสพติด จะอำพรางเป็นคาราวานท่องเที่ยวใช้ยานพาหนะประเภท รถจักรยานยนต์ Big Bike ติดตั้งโครงเหล็กพร้อมบรรทุกกล่องสิ่งของ (ใช้ซุกซ่อนยาเสพติดได้ประมาณเกือบ 4 แสนเม็ด) ไปลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จ.เชียงราย เข้ามาส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งที่ผ่านมารถจักรยานยนต์ไม่ได้เป็นยานพาหนะต้องสงสัยที่ใช้ในลำเลียงยาเสพติดปริมาณมากระดับล้านเม็ด

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวอีกว่าความสำเร็จของคดีดังกล่าว เกิดจากประชาชนแจ้งเบาะแสร้องเรียนยาเสพติดผ่านสายด่วน ป.ป.ส. 1386 ซึ่งภายหลังจากที่ได้รับข้อมูลร้องเรียนสำนักงาน ป.ป.ส. ได้ตรวจสอบและเร่งดำเนินการทุกข้อร้องเรียน โดยข้อมูลของผู้แจ้งจะมีความปลอดภัยและเป็นความลับอย่างแน่นอน กรณีนี้เป็นเบาะแสที่มีความสมบูรณ์และเป็นประโยชน์ ช่วยให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้เร็ว ซึ่งขอให้ประชาชนเข้าใจว่าสำนักงาน ป.ป.ส. ไม่ได้ดำเนินการแต่รายใหญ่ หากแต่ยังคำนึงถึงรายย่อย ซึ่งหากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน เจ้าหน้าที่ก็จะรีบไปดำเนินการ เพื่อลดปัญหายาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล โดยต้องขอบคุณความร่วมมือของประชาชนในการช่วยสอดส่องและแจ้งเบาะแสให้กับเจ้าหน้า เชื่อว่าจะทำให้ปัญหายาเสพติด และอาชญากรรมอื่น ๆ ลดลง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2566 – ปัจจุบันสำนักงาน ป.ป.ส. ได้รับเรื่องร้องเรียนทั้งหมด (ทุกช่องทาง) เป็นจำนวน 7,370 เรื่อง และดำเนินการแล้ว 4,143 เรื่อง ซึ่งจะดำเนินการให้ครบทุกเรื่อง ตามที่ได้รับเรื่องร้องเรียนมาจากประชาชน

“ขอบคุณประชาชนที่แจ้งเบาะแส คดีดังกล่าวเป็นความร่วมมือที่ดีของ ทุกๆ ฝ่าย ทั้งภาคประชาชนที่ไม่นิ่งนอนใจเมื่อพบเหตุต้องสงสัย และเจ้าหน้าที่ภาครัฐก็ตอบสนองต่อข้อร้องเรียนของประชาชน ชอย่างรวดเร็ว และร่วมมือกันจนทำให้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้” พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยังเปิดเผยถึงการลงพื้นที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้ของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังว่า ในอดีตที่ผ่านมามีนายกรัฐมนตรีที่ลงไปในพื้นที่และนอนค้างคืนที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่กี่คนเท่านั้น เช่น นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ช่วงก่อนปี 2546 จนกระทั่งมาถึงยุคของนายเศรษฐา ถือว่าประชาชนมีความเชื่อมั่น และสิ่งที่น่าเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้นคือการลงพื้นที่ครั้งนี้จะไม่เห็นภาพทหารยืนสวมเครื่องแบบ และด่านตรวจไม่ค่อยมี อาจจะมีตำรวจบางจุดแต่ไม่มาก เพราะนายกรัฐมนตรีอยากจะลงพื้นที่ไปแบบประชาชนธรรมดา เพื่อให้เห็นสภาพทั่วไปว่าประชาชนใช้ชีวิตอย่างไร ถือว่านายเศรษฐา มีความกล้าหาญมาก และเวลาเดินไปที่ไหนก็จะไม่มีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด

ส่วนที่มีคนออกมาระบุว่าไม่มีการพูดคุยสันติภาพนั้น ตนเองได้สอบถามหัวหน้าคณะพูดคุยทราบว่าในยุคของรัฐบาลนายเศรษฐา มีความก้าวหน้ามากที่สุด และที่สำคัญการที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปที่มัสยิดกรือเซะ ซึ่งเป็นมัสยิดที่มีบาดแผลมีคนเสียชีวิตจำนวนมากเมื่อปี 2547 ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญและเป็นยิ่งกว่าการพูดคุยสันติภาพเสียอีก ดังนั้นตนเองไม่อยากให้เอาวาทะกรรมต้องไปพูดให้คนแก้แค้นกัน ตรงนั้นไม่ใช่เรื่องสันติภาพ แต่เรื่องสันติภาพคือจะพัฒนาอย่างไรให้คุณภาพชีวิตของคนดีขึ้น การเอาความเสมอภาคเท่าเทียมเข้าไปในพื้นที่ ซึ่งวันนี้แสดงให้เห็นว่า เรื่องการพูดคุยสันติภาพนายกรัฐมนตรีสนับสนุนเต็มที่ เพราะทางฝ่ายความมั่นคงหรือคณะพูดคุยสันติภาพบอกว่าเป็นยุคที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดโดยที่รัฐบาลเศรษฐาเข้ามาบริหารประเทศไม่กี่เดือนเท่านั้น ส่วนเรื่องเดือนรอมฎอน ที่ใกล้ถึงนี้ส่วนตัวไม่มีความกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะเป็นเดือนอันประเสริฐของชาวไทยมุสลิมที่จะปฎิบัติกิจทางศาสนา รัฐบาลเองก็จะอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ ส่วนหลังเดือนรอมฎอนก็จะเข้าสู่วันเข้าพรรษาชาวไทยมุสลิมก็สนับสนุนชาวไทยพุทธด้วยจึงถือว่าเดือนรอมฎอนไม่ได้เป็นเดือนน่าเป็นห่วงไม่มีความกังวล

พ.ต.อ.ทวี กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการแก้ไขปัญหายาเสพติด3จังหวัดชายแดนใต้ นายกรัฐมนตรี ได้ออกนโยบายหลักในมิติศาสนา วัฒนธรรม และการพัฒนา เพราะว่า3จังหวัดชายแดนใต้เคร่งครัดเรื่องศาสนา ยาเสพติดเป็นศัตรูของศาสนา เป็นของต้องห้าม ดังนั้นผู้นำศาสนาจึงลุกขึ้นมาต่อสู้กับยาเสพติด เข้ามาช่วยติดตามตรวจสอบตามมัสยิดรวมถึงสถานศึกษา ปอเนาะ ซึ่งปัจจุปันในพื้นที่มีความตื่นตัวมาก โดยเมื่อ 2-3วันที่ผ่านมา โต๊ะครูปอเนาะกว่า 700 คน ได้ประกาศจะแก้ปัญหายาเสพติด ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงการพูดคุยสันติภาพที่แท้จริง เพราะทุกคนเป็นห่วงเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ การแก้ไขปัญหาและให้ความเป็นธรรมคือเรื่องสันติภาพ

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ถามว่าจะมีการเข้าพบ นายทักษิณ เพื่อขอคำปรึกษาแนวทางปราบปรามยาเสพติดหรือไม่ เพราะสมัยรัฐบาลนายทิกษิณ ถือว่าประสบความสำเร็จในเรื่องดังกล่าว พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า สิ่งที่เป็นบทเรียนที่ดี มาตรการที่ดีงามมากมายต่างๆเราก็นำบทเรียนมาใช้ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมีคณะถอนบทเรียนอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวว่าถามย้ำว่าในอนาคตจะมีการเข้า นายทักษิณ เพื่อหารือแนวทางประกาศสงครามกับยาเสพติดหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #ปปส #ทวีสอดส่อง #ภาณุรัตน์หลักบุญ