กองบรรณาธิการข่าวประชาไท“ชี้แจงกรณีนักข่าวประชาไทถูกจับกุมคดี ‘เป็นผู้สนับสนุน’ทำลายโบราณสถาน

18899

ยืนยันจะดำเนินการเรียกร้องความเป็นธรรมให้ณัฐพลเมฆโสภณในทุกช่องทางที่มีและทำได้

เมื่อวันที่ 22 ก.พ.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ กองบรรณาธิการข่าวประชาไท ได้หนังสือชี้แจงมีใจความระว่า

จากกรณีตำรวจจับกุม 2 นักข่าวและช่างภาพ หนึ่งในนั้นคือ ณัฐพล เมฆโสภณ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวประชาไท เมื่อวันที่12 ก.พ.ที่ผ่านมา ด้วยข้อหา ‘เป็นผู้สนับสนุน’ ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งโบราณสถานฯ จากเหตุไปทำและรายงานข่าวศิลปินอิสระนสีข้อความทำป็นสัญลักษณ์ไม่เอา 112 และเครื่องหมาย สัญลักษณ์ “อนาคิสต์” บนกำแพงวัดพระแก้ว 28 มี.ค. 2566 โดยหมายจับออกไว้ตั้งแต่ 22 พ.ค. 2566 และไม่มีหมายเรียกก่อนนั้น ทั้งนี้ระหว่างจับกุมผู้สื่อข่าวประชาไทยังถูกพันธนาการด้วยเคเบิลไทร์ และสองยังถูกควบคุมตัวโดยการไปยังพื้นที่ห่างไกลจาก สน.พระราชวัง คือทั้ง สน.ฉลองกรุงและ สน.ทุ่งสองท้อง จนนำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่และประชาไทตลอดสับดาห์ที่ผ่านมานั้นกองบรรณาธิการข่าวประชาไทจึงขอชี้แจงดังนี้

(1) กระบวนการทำข่าวและรายงานข่าวของ ณัฐพล เมฆโสภณ ปฏิบัติตามหลักปฏิบัติแห่งวิชาชีพ ในประมวลจริยธรรม ‘ประชาไท’​

(2) หมายข่าวดังกล่าวทั้งในวันที่ 27 มี.ค. 2566 ที่ผู้นัดหมายยกเลิกกิจกรรม และวันที่ 28 มี.ค. 2566 ที่เกิดเหตุจนเป็นประเด็นนั้น ณัฐพล เมฆโสภณ ได้รับการอนุมัติจากบรรณาธิการให้ไปติดตามและรายงานข่าวตามหมายข่าว

(3) สถานะภาพการจ้างงานของ ณัฐพล เมฆโสภณ ยังเป็นนักข่าวประจำกองบรรณาธิการฯเหมือนเดิมทุกประการ

(4) กองบรรณาธิการฯ จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีกับ ณัฐพล เมฆโสภณ ตลอดกระบวนการ

(5) กองบรรณาธิการฯ จะดำเนินการเรียกร้องความเป็นธรรมให้ณัฐพลเมฆโสภณในทุกช่องทางที่มีและทำได้รวมทั้งช่องทางกระบวนการยุติธรรมเพื่อปกป้องการทำงานและชื่อเสียงของ ณัฐพล เมฆโสภณมีข้อโต้แย้งว่สื่อก็ทำผิดได้ และโดยกระบวนการปกติสื่อต้องถูกตรวจสอบไต้ แน่นอนเราเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าสื่อผิดและพลาดไต้ อีกทั้งเรายังส่งเสริมให้ประชาชนเท่าทันสื่อ แต่การออกหมายจับค้างไว้ถึง 9 เตือน ก่อนจับกุม และไม่มีหมายเรียกก่อนนั้น เรามองว่ไม่ใช่กระบวนการตรวจสอบปกติ รวมถึงหากปล่อยให้การตั้งข้อกล่าวหาในลักษณะนี้กลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ก็ยังจะกระทบต่อกระบวนการทำงานข่าวโดยเฉพาะนักข่าว ช่างภาพ หรือผู้ปฏิบัติงานข่าวภาคสนามอย่างยิ่งไม่เพียงแต่ 2 นักข่าวและช่างภาพที่ถูกละเมิดเสรีภาพของสื่อ หากแต่ช่วงที่ผ่านมามีการดำเนินคดีในลักษณะการฟ้องปิดปาก (Strategic Lawsuits Against Public Participation -SLAPP) ต่อสื่อมวลชนทั้งสื่อมวลชนอาชีพที่มีสังกัดสื่อมวลขนอิสระ รวมทั้งสื่อพลเมืองหรือประชาชนผู้ใช้สิทธิในการสื่อสาร โดยเฉพาะส่วนหลังที่อยู่ในสถานะเปราะบางมักถูกข่มขู่และทำร้ายร่างกายในหลายครั้งจึงขอเรียกร้องให้องค์กรวิชาชีพสื่อ กลไกปกป้องคุ้มครองสิทธิฯ สื่อมวลขนหรือประชาชนเอง ติดตามสถานการณ์และไม่ปล่อยให้กระบวนการเหล่านี้กลายเป็นบรรทัดฐานหรือความปกติใหม่ที่มาจำกัดเสรีภาพสื่อและสิทธิในการสื่อสารของประชาชน เพราะไม่เพียงคนทำงานสื่อจะกระทบ ประขาชนที่เป็นผู้รับทราบหรืออยากลุกขึ้นมาสื่อสารก็จะกระทบไปด้วย”เสรีภาพสื่อ คือ เสรีภาพประชาชน” กองบรรณาธิการข่าวประชาไท ระบุ“

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #ประชาไท #นักข่าวถูกจับ